“คิดถึงป่า” ปลุกจิตอาสาในหัวใจเยาวชน เพื่อผืนป่าที่ยั่งยืน

โครงการ "คิดถึงป่า"เป็นกิจกรรมรณรงค์ให้เหล่าอาสาสมัครมาร่วมกันทำกิจกรรมปลูกป่าเพิ่มจำนวนต้นไม้บนผืนแผ่นดินไทย จัดขึ้นที่ ภูฝอยลม จ.อุดรธานี ระหว่างวันที่ 6-7 ก.ค.59 ซึ่งหลากหลายครอบครัวได้ให้ความร่วมมือมาร่วมทำกิจกรรมอาสาและต้องการปลูกฝังให้บุตรหลานรักผืนป่าตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากบางสิ่งไม่มีการเรียนการสอนในห้องเรียน การได้ลงมือทำเอง เท่ากับการได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เป็นการเรียนรู้ที่ยั่งยืน พร้อมแสดงความรู้สึกถึงกิจกรรมโครงการ "คิดถึงป่า" เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ใครมีโอกาสควรช่วยกันรักษาผืนป่า

นายปฏิณญา กังวานฤทธิ์ ผู้ปกครอง เด็กชายเนเจอร์ และ เด็กชายริว อายุ 9 และ 7 ขวบครึ่ง เปิดเผยกับ Sanook news ว่า พาบุตรชายทั้ง 2 คน มาร่วมกิจกรรมอาสาปลูกป่าเป็นครั้งแรก โดยการขับรถมาจากกรุงเทพทั้งครอบครัว และร่วมค้างคืนปลูกป่าในกิจกรรม "คิดถึงป่า" ทั้ง 2 วัน คือ 6-7 กรกฎาคม ที่ ภูฝอยลม จังหวัดอุดรธานี เนื่องจากต้องการสอนให้ลูกๆได้เรียนรู้จากชีวิตจริงเกี่ยวกับปัญหาพื้นที่ป่าลดลงของประเทศไทย

จากที่เคยรู้เพียงว่าป่าไม้ถูกทำลายเพราะมีคนมาตัดไม้ทำลายป่า แต่ไม่รู้ว่ายังมีสาเหตุอื่นด้วย เช่น ไฟป่า จึงต้องการให้ลูกๆ ได้เรียนรู้จากการได้เห็นของจริง ซึ่งไม่มีสอนในหลักสูตร นอกจากนี้ เด็กๆยัง ได้เรียนรู้ชีวิตของชาวนาด้วย เนื่องจากระหว่างทางที่ขับรถมาจากกรุงเทพก็ได้เห็นชาวนาปลูกข้างระหว่างสองข้างทาง ส่วนความเห็นต่อกิจกรรม "คิดถึงป่า" เป็นกิจกรรมที่ดีทำให้เด็กรุ่นใหม่ มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อการรักษาผืนป่าในประเทศไทย

ทางด้าน เด็กหญิงชัชชญา มิยาโมโต้ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนราชินี เยาวชนอีกครอบครัวหนึ่งที่มาร่วมปลูกป่า เปิดเผย ว่า เห็นจากข่าว ในหลายๆสื่อ เรื่องทำลายป่า เผาป่า ไฟป่า จึงคิดว่าน่าจะมีการปลูกทดแทน เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเหลือผืนป่าแค่ไหน อีกทั้งในเมืองยังมีการก่อสร้างคอนโดมีเนียม มากขึ้น การที่เราสร้างตึกแต่ไม่มีการปลูกป่าขึ้นมาทดแทนอนาคตเราก็อาจจะสร้างสิ่งสวยงามไม่ได้ จึงหาข้อมูลของกิจกรรมนี้และขออนุญาตคุณแม่ และคุณครู เดินทางมาร่วมกิจกรรม

" การที่เราได้หยิบต้นไม้แต่ละต้นมาใส่ในหลุมด้วยมือของเราเอง และเราก็ได้ช่วยพี่ๆ อาสาคนอื่นๆ ถึงเราจะไม่รู้จักกันแต่ว่า ภูมิใจที่ได้ทำ" เด็กหญิงวัย 12 ปี กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้จากการมาปลูกป่า

นางทิวาพร วรรณโร มารดา เด็กหญิงชัชชญา กล่าวว่า การเดินทางมาค้างคืนปลูกป่าครั้งนี้เกิดจากที่ลูกมาขออนุญาตไปร่วมกิจกรรมและต้องขออนุญาตทางโรงเรียนด้วย ซึ่งในครอบครัวมักจะมีการคุยกันถึงเหตุและผล และ ความจริง สำหรับการขออนุญาตทำกิจกรรมใดๆ อยู่แล้ว และกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นกิจกรรมใหญ่ของลูกในปีนี้ ได้เห็นความตั้งใจจริงของลูกจึงพาลูกเดินทางมาร่วมกิจกรรม โดยปกติที่บ้านเด็กๆจะเป็นจิตอาสาอยู่แล้ว เช่น การไปกวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ และ เป็นล่ามให้กับองค์กรอิสระ

คุณแม่น้องชัชชญา กล่าวถึงสิ่งที่สังเกตเห็นจากลูกสาวสำหรับพัฒนาการในการมาทำกิจกรรมครั้งนี้คือ เห็นลูกสามารถดูแลตัวเองได้ ตื่นเช้า และ ช่างสังเกต สอบถามข้อมูลจากอาสาสมัครคนอื่นๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

" โครงการ "คิดถึงป่า" เป็นโครงการที่ ดีมาก เพราะการปลูกป่าไม่ใช่หน้าที่คนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกๆคน ปัญหาไฟป่าเป็นสิ่งที่ควบคุมยาก หากเรามีโอกาสมาปลูกป่าทดแทนเราควรทำ" นางทิวาพร กล่าว

เช่นเดียวกันกับ คุณแม่นิด รุจิรา ได้พาลูกทั้ง 3 คน มาร่วมปลูกป่าในครั้งนี้ด้วยจากการชวนของลูกสาว ซึ่งคุณแม่นิดกล่าวว่า

"ปกติเราจะทำโรงทานทุกวันศุกร์เดือนละ 2 ครั้งและทำจิตอาสากันอยู่แล้ว อีกทั้งวันนี้ก็เป็นวันเกิดของลูกชายจึงชวนกันมาทำกิจกรรมอาสากันทั้งครอบครัว โครงการ "คิดถึงป่า" ถือว่าเป็นโครงการที่ดีและแม่ก็เห็นว่าป่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าเรารณรงค์ช่วยกันปลูกป่าให้เพิ่มมากขึ้นก็ยิ่งช่วยให้เราลดภาวะโลกร้อนได้มากขึ้นอีกด้วย และทำให้เด็กรุ่นใหม่ๆที่เกิดขึ้นมาเล็งเห็นความสำคัญของป่า

และป่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ต้องหวงแหน ทุกวันนี้เราเห็นแต่ข่าวตัดไม้ทำลายป่ามันดูรู้สึกแย่ วันนี้เราต้องมารณรงค์ร่วมกันปลูกป่าเพื่อลูกหลานของเรา ต้องขอขอบคุณ sanook.com ที่ได้จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ และจะขอสนับสนุนตลอดโครงการแบบนี้ตลอดไป ถ้ามีกิจกรรมอาสาดีๆแบบนี้อีกเมื่อไหร่ก็จะตามไปทุกครั้ง"

สำหรับกิจกรรมชวนอาสาสมัครภาคประชาชนมาร่วมปลูกป่า ภายใต้โครงการ "คิดถึงป่า" จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ในพื้นที่ภูฝอยลม จังหวัดอุดรธานี ริเริ่มโดย กลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชนในพื้นที่ ร่วมกับอาสาสมัครภาคเอกชน ศิลปิน จัดขึ้นครั้งแรก ระหว่าง 6-7 กรกฎาคม มีอาสาสมัคร จากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมปลูกป่า กว่า 100 คน และได้ ลงมือ ปลูกป่าไปแล้วเป็นพื้นที่ 15 ไร่

ประกอบด้วย ต้นไม้ 1,500 ต้น ไม้ป่าดอกขนาดใหญ่ 500 ต้น กล้วยน้ำว้า 400 ต้น และ ไม้ผล 400 ต้น มีแผนการดูแลอย่างใกล้ชิด เป็นเวลา 2 ปี เพื่อ ให้ต้นไม้เหล่านี้เติบโต และ อยู่รอดได้ตามธรรมชาติ ติดตามความคืบหน้าของโครงการ "คิดถึงป่าได้ผ่านสื่อ http://season.sanook.com/misstheforest และ www.facebook.com/MissTheForest