แม่สีดา - ต่าย ขอเวลาทำใจ ก่อนทำพิธีตัดคำสัญญาส่ง อ๊อฟ หมดห่วง
ออกมายืนยันด้วยตัวเองเลยว่า เชื่อในคำแนะนำให้ตัดคำสัญญาและไม่ได้คิดจะลบหลู่ สำหรับ "แม่สีดา พัวพิมล" และ "ต่าย สายธาร นิยมการณ์" สองคนสำคัญของนักแสดงผู้ล่วงลับ "อ๊อฟ อภิชาติ พัวพิมล" หลังทั้งคู่ทักกลางรายการโทรทัศน์ว่า วิญญาณของนักแสดงหนุ่มยังไม่ไปไหนเนื่องจากยังมีจิตผูกพันอยู่กับคนที่รัก และคำมั่นสัญญาที่มอบไว้ก่อนสิ้นใจ อีกทั้งตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ทั้งคู่ได้เอ่ยและพูดถึงชื่อของเจ้าตัวอยู่เสมอ!!
แต่ถึงอย่างนั้นล่าสุดในวันบันทึกเทปรายการ "บันเทิง 8 Hot News" แม่สีดา และ ต่าย สายธาร ก็ได้ออกมาเปิดใจว่า สำหรับคำแนะนำดังกล่าวที่ได้รับมานั้น ณ ตอนนี้คงยังไม่สามารถทำให้ได้ เนื่องจากต้องขอใช้เวลาทำใจก่อน และจากนี้อยากให้ถามถึงชีวิตปัจจุบันดีกว่า เพราะทุกวันนี้ที่นึกถึงอ๊อฟก็ล้วนแล้วแต่เป็นกำลังใจและความรู้สึกดีๆ แทบทั้งสิ้น
ถามถึงพิธีตัดคำสัญญาเห็นว่าเรามีแพลนที่จะทำให้พี่อ๊อฟ ?
ต่าย - "จริงๆ ยังไม่ได้มีการตกลงกันเลยนะคะว่าเราจะทำพิธีถอนคำสัญญา เพราะส่วนตัวต่ายเองก็ไม่อยากมองมันเป็นประเด็นมากมายด้วย เนื่องจากมันเป็นเรื่องของความรู้สึก และต่ายก็ไม่อยากโกหกทุกคนหรือโกหกความรู้สึกตัวเอง ฉะนั้นต่ายขอชัดเจนในความรู้สึกตัวเองดีกว่า ซึ่งต่ายก็บอกกับแม่แล้วด้วยว่าต่ายยังลืมไม่ได้"
พอจะบอกได้ไหมว่าเราให้คำสัญญาอะไรไว้ ?
ต่าย - "ช่วงที่เราคบกันเราสองคนก็เคยพูดคำว่า "ทุกภพทุกชาติไปเราจะเป็นคู่กัน" ซึ่งเราไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะมีผลขนาดนี้ แต่ต่ายก็อยากให้ทุกคนมองอีกมุมด้วยว่าสิ่งที่เราพูดมันไม่ได้ทำร้ายใครเลยนะคะ เพราะจริงๆ แล้วมันคือความสุขใจ แถมมันยังทำให้ต่ายมีกำลังในการทำงานด้วยซ้ำ เนื่องจากทุกครั้งที่ต่ายท้อต่ายก็ยังมีเขาอยู่ข้างๆ ต่ายยอมรับว่าต่ายไม่รู้ว่าสิ่งที่ต่ายทำมันจะไปฉุดรั้งเขาหรือยังไง แต่ถ้าสิ่งไหนที่ทำให้เขาไปอยู่จุดที่ดีได้ต่ายก็ยินดีทำให้ แต่ถามว่าลึกๆ ต่ายลืมเขาได้ไหม ต่ายก็ยังไม่ลืมค่ะ"
ต่าย - "สิ่งที่ริวพูดมาต่ายเชื่อและต่ายก็รับฟังนะคะ ถึงแม้ต่ายจะสัมผัสไม่ได้มาก แต่ต่ายก็ได้รู้ว่าเขายังรับรู้และยังอยู่กับเราตรงนี้"
กังวลไหมถ้าเราไม่ทำตามคำแนะนำและจะทำให้วิญญาณของเขายังอยู่ ?
ต่าย - "เรื่องคำแนะนำต่ายทำตามคำแนะนำได้นะคะ แต่เรื่องของจิตใจมันบังคับกันไม่ได้ ดังนั้นขอเวลาต่ายได้ไหมคะ อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา ลองมาเป็นต่ายดูบ้าง เพราะต่ายก็ไม่รู้เหมือนกันว่า 10ปี 20ปี ต่ายจะลืมไหม"
ทุกวันนี้เรายังรู้สึกไหมว่าพี่อ๊อฟเขายังอยู่กับเรา ?
ต่าย - "รู้สึกอยู่ตลอดค่ะ"
แม่สีดา - "สำหรับเรื่องตรงนี้ใครไม่เป็นเราไม่รู้หรอก เพราะในกรณีของแม่ แม่เองก็ยังรู้สึกว่าเขายังอยู่กับแม่ตลอด แต่ถามว่าสิ่งที่แม่ทำอยู่ทุกวันมันจะเป็นการผูกมันเขาไหม เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันคือการผูกมัด เพราะเราก็ทำตามความเคยชินของเรา อย่างเวลาอยู่บ้านคนเดียวเราก็พูดกับรูปเขาไปเรื่อยๆ"
คิดว่าตอนนี้พี่อ๊อฟอยู่ด้วยความรู้สึกสบายไหม ณ ตอนนี้ ?
แม่สีดา - "เราก็ไม่ได้อยากที่จะไปกักขังเขานะ เพราะเราเองก็อยากให้เขาไปอยู่ในภพภูมิที่ดี แต่ด้วยความที่เราเป็นแม่คือต่อให้เป็นรูปเขาอยู่เราก็ยังรู้สึกว่าเป็นตัวเขา พอวันไหนเราทุกข์ใจเราก็จะเรียกให้เขาอยู่เป็นเพื่อนคุ้มครองเรา ซึ่งก็อย่างที่บอกเราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ทำอยู่มันจะเป็นการดึงเขาไว้"
จากนี้เราตั้งใจจะทำยังไงต่อไปเพื่อพี่อ๊อฟ ?
แม่สีดา - "เราก็ทำตามมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ซึ่งก็คือใส่บาตรอุทิศกุศลให้เขา แต่หลายคนก็บอกนะว่าที่อ๊อฟเขายังไม่ไปไหนเพราะเขาอยากเห็นแม่สบาย เขายังเป็นห่วงเราสองคน และพอคุณริวมาพูดแบบนี้อีกเราก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจเพราะว่าบางทีแม่เองก็ยังได้กลิ่นของเขาเวลาที่แม่อยู่คนเดียว"
จริงๆ ในส่วนของพิธีกรรมที่ริวอยากให้ทำคือต้องทำยังไงบ้าง ?
ต่าย - "ริวแนะนำให้ต่ายจุดธูปและพูดพร้อมๆ แม่ ซึ่งต่ายก็บอกกับริวแล้วนะคะว่าต่ายจะพูด แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา คือเราอยากขอเวลาทำใจกันอีกสักนิดหนึ่ง เพราะต่ายรู้สึกว่าต่ายไม่อยากกดกันตัวเอง และก็ไม่อยากทำอะไรเพื่อให้ถูกใจคนอื่น ดังนั้นใจเขาใจเราดีกว่าค่ะ"
ต่าย - "เอาตรงๆ ต่ายมองว่าอย่าไปพูดถึงอดีตหรืออะไรเลยดีกว่าค่ะ เรามองกันที่ปัจจุบันดีกว่า เพราะทุกวันนี้ต่ายเห็นแม่ดามีรอยยิ้มต่ายก็เชื่อว่าอ๊อฟเขาได้คลายความกังวลแล้ว และอีกอย่างคือในวันที่อ๊อฟเสีย ต่ายก็ได้บอกกับเขาไว้ด้วยว่าต่ายจะดูแลแม่ดา ซึ่งทุกวันนี้ต่ายก็ยังทำอยู่ รวมถึงต่ายได้สานต่อความตั้งใจของเขาด้วยการอาสามาช่วยเหลือคนกับมูลนิธิร่วมกตัญญู"
แสดงว่าทุกวันนี้เราสองคนก็มองว่าพี่อ๊อฟเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิต ?
ต่าย - "ใช่ค่ะ ทุกประเด็นของอ๊อฟเกี่ยวกับกำลังใจล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความทุกข์เลย ทุกวันนี้เราก็ยังยิ้มเวลานึกถึงเขา นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน"
เราเชื่อว่าทุกวันนี้พี่อ๊อฟก็น่าจะมีความสุขไม่ได้รู้สึกเป็นทุกข์หรืออะไร ?
ต่าย - "เขาก็คงนั่งอยู่แถวนี้ เขาก็คงมาฟังด้วย"
แม่สีดา - "วันนี้แม่ก็ยังพูดกับเขาอยู่เลยว่าให้เขามาด้วยก็ได้ ซึ่งแม่ก็พูดเป็นปกติของแม่ แม่ไม่รู้ว่าเขาจะมีตัวตนจริงไหม"
ส่วนกระแสข่าวตกอับจนต้องใช้ชีวิตเป็นเด็กเสิร์ฟของ "แม่สีดา พัวพิมล" นั้น แม่สีดาก็ได้ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตอนนี้ตนได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้จัดการร้านอาหารไม่ได้ตกอับอย่างที่หลายคนคิด และต้องขอบคุณแฟนๆ ที่ตั้งใจมอบความช่วยเหลือ แต่ ณ ตอนนี้ตนคงขอรับไว้เพียวแค่น้ำใจ เพราะถึงอย่างไรก็อยากยืนด้วยขาของตัวเองให้แข็งแรงก่อน...
แม่สีดา - "แม่ต้องเรียนให้ทราบก่อนว่าแม่ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟ แต่ตำแหน่งของแม่คือผู้จัดการร้าน มีหน้าที่ดูแลร้านแทนนายให้ออกมาดีที่สุด ชีวิตแม่ตอนนี้สบายมากกว่าแต่ก่อนแล้วไม่ได้กัดก้อนเกลือกินเหมือนช่วงที่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ และอีกอย่างหนึ่งคือแม่อยากกราบขอบคุณแฟนคลับที่เสนอความช่วยเหลือมาให้ แต่สิ่งที่แม่จะพูดตอนนี้ไม่ใช่เพราะแม่เป็นคนหยิ่งยะโส เพียงแต่แม่อยากจะต่อสู้เพื่อตัวเองและอยากจะพิสูจน์ให้ตัวเองได้เห็นว่าเรานั้นยังมีความสามารถ ส่วนเรื่องต้อกระจกที่ตาทั้งสองข้างตอนนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นบอดสนิทอะไร ที่ผ่ายมาแม่ก็พยายามดูแลตัวเองอยู่ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายแม่ก็ยังมีบัตรทองติดตัวเหมือนกัน ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับทุกความเมตตาที่มอบให้แม่นะคะ"
ค่าใช้จ่ายในการรักษาดวงตาใช้แค่บัตรทองครอบคลุมหมดเลยหรือเปล่า ?
แม่สีดา - "ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่แม่รู้แค่ว่าเดือนหน้าต้องไปดำเนินการแล้ว"
ต่าย - "คือทุกครั้งที่มีคนติดต่อมาอยากให้ความช่วยเหลือต่ายก็นำไปบอกต่อแม่สีดานะคะ เพียงแต่ท่านไม่อยากรับเพราะรู้สึกว่าเกรงใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วต่ายเองกลับมองว่าหากเขาอยากที่จะช่วยจริงๆ ก็ให้แม่รับเอาไว้เถอะ เพราะถึงแม่จะไม่ได้นำไปรักษาตา แต่แม่ก็สามารถนำไปใช้เพื่อช่วยในการดำรงชีวิต ช่วยในการเริ่มต้นธุรกิจต่างๆ เพื่อดูแลตัวเองได้ ต่ายอยากให้แม่ลองเก็บไปพิจารณาดูในเรื่องนี้"
แม่สีดา - "คือแม่เข้าใจนะคะ และแม่ก็เข้าใจในความปรารถนาดีของทุกๆ ท่าน แต่แม่ไม่อยากรบกวนใครจริงๆ สิ่งไหนที่เราเรียนผูกเราก็ต้องเรียนแก้ เรายังมี 1 สมอง 2 มือ เราต้องพิสูจน์ตรงนี้ก่อน นอกเหนือจากว่าเรานะตาบอดสนิทอันนี้ก็ค่อยว่ากันในอนาคต"
ถามถึงอาการเกี่ยวกับตาตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
แม่สีดา - "คิดว่าน่าจะเยอะแล้วนะคะ แต่ก็ยังมองเห็นอยู่ คือมองไกลๆ มองตาจะพล่าจะดูไม่รู้ว่าเป็นใครแต่รู้ว่ามีคนเดินอยู่ ซึ่งถ้าเขาเดินมาใกล้ๆ ก็ถึงจะรู้ว่าอ๋อคือคนนั้นคนนี้ ถามว่าแม่กลัวไหมหากปล่อยไว้มันจะยิ่งแย่ เอ่อ...เอาจริงๆ แม่ก็กลัว ดังนั้นแม่ก็ต้องดูแลตัวเองให้มากๆ ก่อน ส่วนเรื่องความช่วยเหลือจากแฟนๆ ที่ส่งมอบมาให้นั้นแม่ขอบอกด้วบความสัตย์จริงเลยว่า แม่เกรงใจ แต่ก็ต้องกราบขอบพระคุณทุกคนด้วยเหมือนกัน"
แม่สีดา - "แม่ไม่อยากให้คนอื่นข่าวนี้แล้วรู้สึกไม่ดีในตัวแม่ แม่ไม่ได้หยิ่งแม่ไม่ได้อะไร เพียงแต่แม่ยังอยากสู้ด้วยตัวเองก่อนก็เท่านั้นเอง"
ถามถึงงานในวงการจะมีโอกาสได้เห็นแม่กลับมารับไหม ?
แม่สีดา - "มีค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้ๆ จะเปิดกล้องแล้ว (ยิ้ม)"
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ