จรรยาบรรณ สำนึก และมาตรฐานบริการทางการแพทย์

(ภาพประกอบจาก เฟซบุ๊กกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สบส.)

มีข่าวที่ปรากฏบนสื่อ ที่น่าสนใจ แต่ไม่ได้ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นใหญ่ของสังคมในเวลานี้ ทั้งที่น่าจะยกขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียง และหาทางออกเพื่อสร้างมาตรฐานของสังคม เพื่อเป็นหลักประกันให้กับประชาชนเกี่ยวกับ มาตรฐานการให้บริการของคลินิกทันตกรรม

ตามข่าวที่ปรากฏก็คือ เมื่อวันที่ 9 ก.ค.59 ที่ผ่านมา มีการเข้าตรวจ คลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง ย่านถนนแจ้งวัฒนะ เขตบางเขน กทม. ปรากฏว่า ทันตแพทย์เจ้าของกิจการ มิได้อยู่ให้บริการในเวลาทำการที่ระบุ คือ 09.00 - 20.00 น. และมีการใช้นักศึกษาทันตแพทย์ที่ยังไม่จบการศึกษามาให้บริการทำฟันแก่ประชาชน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายและอันตรายแก่ผู้ใช้บริการได้

ทั้งนี้ ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้มีมาตรการในการดำเนินการดังกล่าว โดยมีคำสั่งปิดคลินิกดังกล่าวเป็นเวลา 30 วัน เนื่องจากตกมาตรฐาน ไม่สามารถจัดหาผู้ประกอบวิชาชีพที่มีใบประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายวิชาชีพมาให้บริการประชาชนเต็มเวลาทำการ ตามที่พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 กำหนด

การสั่งปิดคลินิกดังกล่าวเป็นการปิดชั่วคราว เพื่อให้เจ้าของกิจการได้จัดหาผู้ดำเนินการมาประจำที่คลินิก ให้เป็นไปตามมาตรฐาน หากผู้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ปัญหาได้ตามเวลาที่กำหนด ก็สามารถยื่นเรื่องขอเปิดให้บริการใหม่ได้ที่ สบส. โดย สบส.จะส่งพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบความพร้อมมาตรฐานทั้งหมด ก่อนเพิกถอนคำสั่งปิด แต่หากยังทำไม่ได้อีก ก็จะพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ดูเหมือนมาตรการเกี่ยวกับการกระทำของสถานประกอบการให้บริการทางการแพทย์ เมื่อได้กระทำผิดพลาดไปแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็แค่ไปหาทันตแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายมาประจำการได้ตามเงื่อนไข ก็สามารถเปิดกิจการต่อไปได้

แต่ที่น่าสนใจก็คือ แล้วประชาชนจะมีหลักประกันอย่างไรว่าในอนาคต จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และจะมีคลินิกอื่นใดอีกหรือไม่ ที่นำนักศึกษาทันตแพทย์ที่ยังไม่จบการศึกษามาให้บริการทางการแพทย์ ซึ่งทาง สบส.เห็นว่ามีความเสี่ยง

ปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนความรับผิดชอบของสถานประกอบการ ที่จำเป็นต้องระลึกและสร้างมาตรฐานเกี่ยวกับการให้บริการ โดยยึดถึงความปลอดภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนผู้ใช้บริการเป็นอันดับแรก เป็นไปได้อย่างไรที่แพทย์เจ้าของสถานประกอบการละเลย ให้นักศึกษาทันตกรรมที่ยังไม่จบ ยังไม่มีความเชี่ยวชาญพอมาให้บริการกับประชาชน โดยที่ไม่มีผู้เชียวชาญเป็นพี่เลี้ยง หรือ อยู่พร้อมจะแก้ไขปัญหาร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบริการทางการแพทย์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยยิ่งกว่าบริการอื่นใด และที่สำคัญ ผู้ประกอบการยิ่งจำเป็นต้องมากกว่ามาตรฐานทั่วไป ต้องมีจรรยาบรรณมากกว่ามองในเรื่องของธุรกิจ หรือรายได้หลายเท่า เพื่อเป็นหลักประกันในความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้บริการ ......

ทุกวันนี้ ค่าบริการการรักษาฟันมีราคาค่อนข้างสูง และการเข้าถึงการให้บริการตามสถานบริการของรัฐก็ไม่ค่อยเพียงพอ สิทธิประโยชน์จากกองทุนต่างๆ ก็จำกัดไม่เพียงพอ ประชาชนส่วนใหญ่จำเป็นต้องออกเงินส่วนตัวเพื่อดูแลรักษาอยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงของสถานบริการและหน่วยงานกำกับจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานให้สูง ไม่ปล่อยให้เกิดความหละหลวมดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ขึ้นมาอีก....

โดย เปลวไฟน้อย