รถน้ำแข็งวิ่งเอง-ไร้คนขับ ชาวบ้านตื่นตา แห่ส่องเลขทะเบียน

รถน้ำแข็งวิ่งเอง-ไร้คนขับ ชาวบ้านตื่นตา แห่ส่องเลขทะเบียน

รถน้ำแข็งวิ่งเอง-ไร้คนขับ ชาวบ้านตื่นตา แห่ส่องเลขทะเบียน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รถบรรทุกน้ำแข็งขัดข้องกลางทาง โชเฟอร์จอดลงไปดูเครื่อง ปรากฏรถติดเครื่องขับออกไปเอง เฉี่ยวชนรถคันอื่นระเนระนาด ชาวบ้านสุดทึ่ง แห่ดูเลขทะเบียนเสี่ยงโชค

(15 ก.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหาดใหญ่ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ เป็นรถห้องเย็นบรรทุกน้ำแข็ง ไม่มีคนขับเครื่องยนต์ เกิดขัดข้องและได้วิ่งออกไปเองอยู่บนถนนสงขลา พลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา ก่อนเฉี่ยวชนเข้ากับรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนน และรถที่วิ่งอยู่บนถนนเสียหาย 4 คัน รวมทั้งร้านค้าบริเวณรอบๆ

หลังเกิดเหตุ ร.ต.อ.นที จันทร์แสงศรี ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองหาดใหญ่ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมกับสืบสวน นายถาวร อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถห้องเย็นบรรทุกน้ำแข็ง หมายเลขทะเบียน 80-9152 ของ บริษัท แป๊กแซห้องเย็น จำกัด

โดย นายถาวร เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ขณะที่กำลังขับรถไปส่งน้ำแข็งที่ท่าเทียบเรือประมงสงขลา เมื่อมาถึงหน้าโรงแรมวีว่า เครื่องยนต์ก็เกิดขัดข้องและดับลง จึงได้จอดรถและยังเข้าเกียร์ 3 เอาไว้ เพื่อป้องกันรถไหล เนื่องจากถนนช่วงนี้เป็นเนินลงต่ำ ก่อนจะลงไปเปิดหัวรถเพื่อตรวจเช็ก

แต่ปรากฏว่าระหว่างที่กำลังซ่อมอยู่นั้น เครื่องยนต์เกิดติดขึ้นมาเองประกอบกับเข้าเกียร์ 3 เอาไว้ รถจึงวิ่งออกไปเองโดยที่ไม่มีคนขับ ตนจึงรีบกระโดดลงมาจากหัวรถ และวิ่งตามเพื่อที่จะขึ้นไปขับและควบคุมรถเอาไว้ แต่วิ่งตามไม่ทัน ทำให้รถวิ่งไปโดยไม่มีคนขับ และเฉี่ยวชนรถยนต์ของชาวบ้านที่จอดอยู่ริมถนนและที่วิ่งผ่านมาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เหตุดังกล่าวยังทำให้โรงรถและรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน ยังได้รับความเสียหายอีก 2 คัน รวมระยะทางเกือบ 500 เมตร โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมีเพียงทรัพย์สินของชาวบ้านเสียหายเท่านั้น

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า ชาวบ้านที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย น่าพิศวงกับเหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่าเป็นเหตุประหลาด เพราะอยู่ๆ รถยนต์ก็ขับออกไปเอง สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา บางคนถึงขั้นจดจำหมายเลขทะเบียนของรถห้องเย็นคันดังกล่าว รวมทั้งรถคันอื่นๆ ที่ได้รับความเสียหาย นำไปเสี่ยงโชคในงวดที่กำลังจะมาถึงนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook