จ.ส.ต.ชักปืนไล่ยิงรองสารวัตร ดับกลางโรงพักสภ.บ้านโป่ง

ตำรวจงานจราจรยศ จ.ส.ต. ใช้อาวุธปืนยิงรองสารวัตรฯ เสียชีวิต บนสถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังถูกเรียกไปเตือนเรื่องทะเลาะวิวาท

(16 ก.ค.) เวลาประมาณ 22.50 น. พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ร.ต.ท.ชัยวัฒน์ ซาท่าไม้ ร้อยเวร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง เข้าตรวจสอบเหตุยิงกันบนโรงพักบ้านโป่ง จ. ราชบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย

บริเวณโต๊ะประชาสัมพันธ์บนชั้น 2 ของสถานีฯ ที่เกิดเหตุพบรอยเลือดตกอยู่ข้างหมวก 1 ใบ ซึ่งเป็นหมวกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 6 ปลอก หัวกระสุนขนาดเดียวกัน 3 หัว และยังมีกระจกรวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆบนโรงพักถูกกระสุนแตกกระจายหล่นบนพื้นรวมทั้งบริเวณเค้าเตอร์พบรอยหัวกระสุนปืนหลายแห่ง

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบ้านโป่งไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ ร.ต.อ.สายัณห์ ชัยโชค รองสารวัตรจราจร สภ.บ้านโป่ง ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่หน้าท้อง 1 นัด ลิ้นปี่ 1 นัด ชายโครงขวา 1 นัด บริเวณใต้รักแร้ซ้าย 1 นัด อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนมือปืนทราบชื่อ จ.ส.ต.ธีรพงษ์ โพธิ์ทอง ผู้บังคับการหมู่งานจราจร สภ.บ้านโป่ง หลังก่อเหตุได้วิ่งลงมาจากโรงพักและว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ร.ต.อ.สายัณห์ เพิ่งกลับมาจากไปตั้งด่านตรวจความสงบเรียบร้อย เมื่อมาถึงโรงพักได้รับแจ้งว่า จ.ส.ต.ธีรพงษ์ มีเรื่องทะเลาะวิวาท กับ ด.ต.อำนาจ เจริญชัย ผบ.หมู่งานจราจร สภ.บ้านโป่ง และ จ.ส.ต.ธีรพงษ์ได้ถือปืนเดินขึ้นมาบนโรงพัก ร.ต.อ.สายัณห์ จึงได้เรียกมาเพื่อจะตักเตือน และจะให้เก็บปืน

จ.ส.ต.ธีรพงษ์ ซึ่งยังอยู่ในอารมณ์โกรธจึงไม่ยอมทำตามคำสั่ง ทำให้เกิดการยื้อแย่งอาวุธปืนกันขึ้น ร.ต.อ.สายัณห์ ที่ไม่ได้พกอาวุธได้ถูก จ.ส.ต.ธีรพงษ์ ใช้อาวุธปืนประจำตัวยิงจนต้องวิ่งหนีแล้วไปล้มลงตรงประตู จากนั้น จ.ส.ต.ธีรพงษ์ ก็ตามมายิงซ้ำจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วน จ.ส.ต.ธีรพงษ์ ได้วิ่งลงจากโรงพักแล้วว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างหลบหนี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้วิทยุแจ้งตามด่านตรวจเพื่อติดตามค้นหาตัวตามเส้นทางที่คาดว่า จ.ส.ต.ธีรพงษ์จะหลบหนี แต่ยังคงไร้วี่แวว

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. (17 ก.ค.) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม จ.ส.ต.ธีรพงษ์ ได้แล้ว

ขอบคุณภาพและที่มาจาก WorkpointNews