หนุ่มสุดช้ำ! จ่อฟ้องเอาเรื่องหมอ ผ่าตัดมดลูกภรรยาผิดข้าง

หนุ่มสุดช้ำ! จ่อฟ้องเอาเรื่องหมอ ผ่าตัดมดลูกภรรยาผิดข้าง

หนุ่มสุดช้ำ! จ่อฟ้องเอาเรื่องหมอ ผ่าตัดมดลูกภรรยาผิดข้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มตรังเตรียมฟ้องร้องหมอโรงพยาบาลรัฐบาล บกพร่องหน้าที่ร้ายแรง ผ่าตัดปีกมดลูกของภรรยาผิดข้าง ทั้งที่ก่อนผ่าตัดได้ทักท้วงไปแล้ว แต่ไม่ยอมฟัง

(18 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้รับแจ้งร้องทุกข์จาก นายเอกพงษ์ อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดตรัง ที่ต้องออกเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งได้ทำการผ่าตัดปีกมดลูกผิดข้างให้กับภรรยา ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก

จากการสอบถาม นายเอกพงษ์ เล่าให้ฟังว่า ตนได้แต่งงานอยู่กินกับภรรยา ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายน ภรรยาเริ่มมีอาการเหมือนคนตั้งครรภ์ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ตนจึงพาไปฝากครรภ์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าแพทย์อัลตราซาวด์พบว่า เป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก อยู่ปีกมดลูกด้านขวา

นายเอกพงษ์ บอกว่า ตอนนี้อายุครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์ เห็นการเต้นหัวใจของเด็กแล้ว แต่ไม่ได้เป็นการตั้งครรภ์ในมดลูกตามปกติ แพทย์จึงส่งตัวและแนบผลอัลตราซาวด์ไปเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงแพทย์เจ้าของไข้กลับให้ความเห็นว่า เด็กตั้งครรภ์อยู่ที่ปีกมดลูกด้านซ้าย ซึ่งตรงกันข้ามกับผลอันตราซาวด์ของคลินิก

เมื่อตนพยายามแย้งว่า ผลตรวจตอนแรกระบุว่าอยู่ปีกมดลูกด้านขวา แต่แพทย์ของโรงพยาบาลก็ยังคงยืนยันว่าเป็นปีกมดลูกด้านซ้าย พร้อมยังตำหนิตนกับภรรยาว่าให้กิริยาวาจาดูหมิ่น ไม่สุภาพกับแพทย์ แพทย์ยืนยันว่าจะต้องผ่าตัดปีกมดลูกด้านซ้าย เพื่อเอาเด็กออก

กระทั่งวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภรรยามีอาการปวดท้องรุนแรง จึงได้พาไปที่คลินิกเดิม แพทย์ที่คลินิกก็ตกใจ เพราะปีกมดลูกด้านขวายังอยู่ แต่ปีกมดลูกด้านซ้ายตัดออกไปแล้ว เมื่ออัลตราซาวด์ดูอีกครั้งก็ยังเห็นเด็กอยู่ที่ปีกมดลูกด้านขวา โดยเจริญเติบโตขึ้นกว่าเดิม อายุครรภ์เพิ่มเป็น 10 สัปดาห์

หลังจากนั้น ตนกับภรรยาจึงได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลรัฐ พบแพทย์ท่านเดิมอีกครั้ง พร้อมกับยืนยันว่าทางครอบครัวทักท้วงไปแล้ว แต่แพทย์ไม่รับฟัง ไม่นำผลอัลตราซาวด์มาตรวจสอบ อีกทั้งยังไม่มีการอัลตราซาวด์ซ้ำ ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะต้องผ่าตัดรอบที่ 2 เท่ากับว่าครอบครัวไม่สามารถมีลูกได้อีกเลย

นายเอกพงษ์ บอกทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้ตนจะทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงานสาธารณสุข รวมทั้งร้องเรียนไปยังแพทยสภา เพื่อดำเนินการและเอาเรื่องกรณีนี้ให้ถึงที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ทำร้ายครอบครัวเป็นอย่างมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook