2 พี่น้องตีเนียน ปลอมเลขล็อตเตอรี่หลอกขึ้นเงิน ทำแม่ค้าเอะใจ
พี่น้องแต่งตัวมาอย่างหล่อ ควักล็อตเตอรี่มาขึ้นเงินกับแม่ค้า จ่ายเงินไป 19,000 บาท แต่แม่ค้าเอะใจ ลองใช้น้ำยาลูบดู พบเป็นตัวเลขถูกแก้ไข เจ้าตัวรีบเผ่น-แต่ไม่รอด
เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) พ.ต.ต.ศุภชัย ศรีศักดิ์ สว.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ สอบปากคำ นายอำนวย อายุ 50 ปี และ นายนิวัฒน์ อายุ 50 ปี สองพี่น้องต่างมารดา ที่ก่อเหตุนำสลากกินแบ่งรัฐบาลแก้ไขตัวเลขให้ถูกเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 10 คู่ หลอกขึ้นเงินพ่อค้า-แม่ค้าขายล็อตเตอรรี่ ว่าเป็นสลากที่ถูกรางวัล
ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ขี่รถจักรยานยนต์ แต่งกายภูมิฐาน สวมใส่สร้อยคอทองคำเส้นโต เข้ามาในตลาดประชานิเวศน์ 3 ก่อนจะเดินตรงไปที่แผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของ นายอำนวย อายุ 59 ปี พร้อมทั้งยื่นสลากถูกเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 5 คู่ หมายเลย 952925 โดย นายอำนวย ตรวจสอบแล้วจึงจ่ายเงินให้เป็นจำนวน 19,000 บาท
จากนั้น นายนิวัฒน์ หนึ่งในผู้ต้องหาได้ควักล็อตเตอรี่ถูกเลขท้าย 3 ตัว อีก 5 คู่ หมายเลข 302158 ออกมาให้นายอำนวย พร้อมทั้งบอกว่าเป็นของป้าฝากมาให้ขึ้นเงิน จึงฝาก น.ส.สำรวย อายุ 47 ปี แม่ค้าล็อตเตอรี่แผงติดกันให้ช่วยรับไว้แทน
เมื่อ น.ส.สำรวย ตรวจสอบล็อตเตอรี่ฉบับดังกล่าวแล้ว เตรียมจ่ายเงินให้ 19,000 บาท แต่รู้สึกเกิดเอะใจบางอย่าง จึงบอกให้ นายอำนวย ช่วยเอาน้ำยามาตรวจสอบตัวเลข เพื่อความสบายใจ เกรงว่าจะถูกปลอมแปลง เมื่อได้ยินเช่นนั้น 2 พี่น้องต่างมารดา จึงรีบวิ่งหนีและขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทันที
ทำให้ชาวบ้านและวินจักรยานยนต์ละแวกนั้น ช่วยกันขี่รถไล่ตาม ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.ภูรินทร์ บุญชัยวงศ์ รอง สวป.สภ.รัตนาธิเบศร์ ด.ต.ธวัช วงศ์ไทย ส.ต.ท.วิโรจน์ พาทา ผ่านมาพบเหตุการณ์พอดี จึงควบคุมตัวทั้งสองคนไว้ได้ที่บริเวณกลางซอยสามัคคี มุ่งหน้าออกถนนติวานนท์ พร้อมเงินสดเป็นของกลางอยู่ในกระเป๋ากางเกง
จากการสอบสวน นายนิวัฒน์ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง โดยจะนำเอาสลากเลขท้าย 3 ตัว มาแก้ไขตัวเลข โดยขูดเลขที่ผิดและเป็นเลขใกล้เคียงกับเลขที่ถูก ก่อนจะตัดต่อแล้วแปะติดเข้าไปจนเนียนไม่มีร่องรอยให้เห็นเลย ถ้ามองด้วยตาเปล่า หรือใช้มือจับต้องลองขูดดู ก็จะไม่รู้อย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช้น้ำยาตรวจสอบ
อย่างเช่น หมายเลขที่นำมาขึ้นเงินเป็นหมายเลข 952025 ตนก็จะแก้เป็น 952925 โดยแก้ไขตัวเลขจาก 0 เป็น 9 ขณะที่อีกชุดสลากหมายเลข 302153 ตนก็จะแก้เป็น 302158 ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีลักษณะคล้ายกัน เพื่อง่ายต่อการปลอมแปลง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้น พบว่า นายนิวัฒน์ เคยก่อคดีในลักษณะนี้ที่ท้องที่จังหวัดนครสวรรค์ และได้รับโทษจำคุก 5 ปี และเพิ่งพ้นโทษมาปี 2558 แต่ก็ยังไม่เข็ดมาก่อเหตุอีกจนถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว จึงได้แจ้ง 3 ข้อหาหลัก ได้แก่ ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ ใช้เอกสารสิทธิ์ปลอมหรือหลอกลวงผู้อื่น และร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์สินผู้อื่น