3 พี่น้องยากจนเผาถ่านขาย ถูกจับคดีไม้พะยูง หลักฐานส่อพิรุธ!

จากกรณี น.ส.ประดิษฐ์ ภูนามูล อายุ 50 ปี นายถนอม ภูนามูล อายุ 49 ปี และนางทองผุด แจ้งเณร อายุ 42 ปี ชาว ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นพี่น้องกัน ออกไปเก็บเศษไม้มาทำฟืนและเผาถ่าน แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาด จับกุมในข้อหาร่วมกันมีไม้พะยูงหวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยทั้งสามคนระบุว่าถูกกลั่นแกล้ง พร้อมวอนขอความช่วยเหลือจากกระบวนการยุติธรรม เพื่อตรวจสอบการทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ ให้ทำการรื้อคดี และคืนความเป็นธรรม

(20 ก.ค.) นายวิทยา บุญตาโลก นายก อบต.คลองขาม ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ยุติธรรมตำบลคลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังได้รับการร้องทุกข์จากสามพี่น้อง และร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตรวจสอบหลักฐานการจับกุมดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาด พร้อมลงพื้นที่พิสูจน์หลักฐานสาเหตุของปัญหา ที่ตอต้นพะยูงในบริเวณป่าช้าท้ายหมู่บ้าน ที่สามพี่น้องเข้าไปเก็บเศษไม้มาทำฟืนเผาถ่าน

และไปที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.1 (ดงมูล) ต.คำใหญ่ อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาของกลาง เพื่อร่วมพิสูจน์ไม้ของกลางกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ซึ่งได้พบความผิดปกติหลายประการ ซึ่งส่อถึงความไม่โปร่งใสในการทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ จึงจะได้เตรียมทำหนังสือร้องทุกข์ ไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับสามพี่น้องโดยเร็ว

นายวิทยา กล่าวอีกว่า โดยหนังสือร้องทุกข์ที่กำลังรวบรวมข้อมูลนี้ จะนำไปยื่นต่อสำนักงานคุมความประพฤติ จ.กาฬสินธุ์ เรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ และ อัยการ จ.กาฬสินธุ์ เพื่ออุทธรณ์และเลื่อนระยะเวลาส่งฟ้องคดีของสามพี่น้องตามความเหมาะสม โดยตนเองมั่นใจว่า สามพี่น้องไม่ได้มีเจตนาที่จะกระทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ฐานะยากจน ปกติหาเช้ากินค่ำ เนื่องจากไร้ที่ทำกิน ไม่เคยมีพฤติกรรมข้องเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายและไม้พะยูงเลย โดยเฉพาะเศษไม้พะยูงที่สามพี่น้องนำออกมาจากป่าช้านั้น ทุกคนต่างยืนยันเป็นเศษปลายไม้แห้งๆ ผุๆ แต่หลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ประกอบสำนวนแจ้งข้อหา กลับเป็นไม้ท่อนที่มีขนาดใหญ่ถึง 10 ท่อน

ขณะที่ นายวิชัย ภูวาดสาย ผู้ใหญ่บ้านโต้น ม.5 ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวคณะกรรมการหมู่บ้านได้ประชาคมประชุมกันและมีมติให้ชาวบ้านที่มีฐานนะยากจน ไม่มีที่ทำกินสามารถเข้าไปในป่าช้าเก็บเศษไม้มาทำฟืน และเผาถ่านใช้ในครัวเรือนได้ เนื่องจากหากทิ้งไว้ก็ไม่เป็นประโยชน์

ดังนั้นตนและเจ้าอาวาสจึงให้ทั้งสามพี่น้องเข้าไปเก็บเศษไม้มาทำฟืนและเผาถ่าน เนื่องจากเห็นว่าทั้งสามครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีที่ทำกิน หาเช้ากินค่ำ ซึ่งการเข้าไปเก็บไม้ดังกล่าวก็เป็นเพียงการเก็บเศษปลายไม้ ที่เก่าและผุ ที่ไม่สามารถนำมาแปรรูปหรือไปทำอย่างอื่นได้ นอกจากทำฟืน เพราะลำต้นไม้พะยูงนั้นถูกคนร้ายลักลอบตัดไปนานแล้วตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งเหลือแต่ตอผุพังเท่านั้น แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมชาวบ้านจึงมาถูกจับ

ทั้งนี้ตนยืนวันว่าไม้ของกลางที่สามพี่น้องเก็บมาทำฟืนและเผาถ่านที่เจ้าหน้าที่ยึดไว้และนำมาเป็นของกลางนั้นไม่ใช่ไม้ที่สามพี่น้องเก็บมา เพราะเห็นกับตาแล้วว่าไม้ที่เหลืออยู่ในป่าช้าเป็นเศษกิ่งไม้

นอกจากนี้ หลังถูกแจ้งข้อหา 3 พี่น้องยิ่งมีชีวิตรันทดหนักขึ้นไปอีก บางคนโรคเบาหวานกำเริบทรุดป่วยหนัก ลูกหลานกว่า 10 ชีวิตเดือดร้อน และแม่วัย 80 ที่ตาบอด ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เป็นโรคซึมเศร้า เป็นที่น่าเวทนาของเพื่อนบ้านอย่างมาก