ตีแผ่เบื้องลึก!! ป๋าเปยุคไซเบอร์ แจกไอเท็มเป็นล้านธุรกิจ DJ VJ ออนไลน์
โลกมันหมุนเร็วขึ้นทุกวัน ฉันตามไม่ทันแล้วพี่บัวลอย ประโยคฮิตฟังแล้วชวนเห็นภาพเป็นอย่างยิ่งกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เรียกว่ายุค 4G อะไรๆ ก็พัฒนาไปเร็วมากจนแทบตามไม่ทัน อย่างเช่นแต่ก่อนธุรกิจคาเฟ่ หรือ นักร้องคล้องพวงมาลัยที่เคยเฟืองฟูเป็นอย่างมาก หลายร้านผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด
ภาพที่เห็นจนชินตาเสี่ยกระเป๋าหนักทุ่มซื้อพวงมาลัยที่ทำจากแบงค์ใบละร้อย หรือ ใบละพัน นำไปคล้องคอนักร้องที่ถูกใจหน้าเวทีของป๋าเปนักเที่ยวคาเฟ่ แต่แล้วเมื่อความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีรุดหน้าไปมากจุดสิ้นสุดของนักร้องค่าเฟ่ก็ได้รับความนิยมลดน้อยลงเรื่อยๆ และจางหายไปในทีสุด
เมื่อสิ่งเก่าหายไปย่อมเกิดสิ่งใหม่ๆ ตามมา วันนี้เกิดธุรกิจ DJ VJ ออนไลน์ที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ หลังจากที่แม่แจ้งจับลูกชายแท้ๆ ที่แอบยักยอกเงินไปกว่า 1.2 ล้าน เพื่อนำไปเลี้ยงวีเจสาวคนสวยจากโปรแกรม DJ VJ ออนไลน์ เรียกได้ว่าเป็นป๋าเปตัวจริงในยุคไซเบอร์
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องวุ่นๆ จบลงเมื่อลูกสำนึกผิดและก้มกราบขอขมาแม่ แต่ทว่าเงินที่หายไปไม่รู้จะตามคืนมาได้อย่างไร เพราะล่าสุดทางวีเจสาวสวยที่ตกเป็นข่าวได้ออกมาเปิดใจประเด็นเงิน 1.2 ล้าน โดยระบุว่าเงินที่ถูกโอนมาโดยป๋าเปนั้น ได้โอนกลับคืนไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งตัวเลขไม่ได้มีตามยอดที่ระบุไว้ตั้งแต่แรก
และที่สำคัญเงินจำนวน 4 แสนบาทไม่ได้โอนให้ตัวเองแต่เป็นการโอนเงินเข้าแอพฯ และไม่ทราบว่าจะสามารถเรียกร้องเงินคืนได้หรือเปล่าเนื่องจากเงินได้เข้าไปที่บริษัทเรียบร้อยแล้ว พร้อมยืนยันว่าไม่ได้หลอกลวงใครและจำนวนเงินก็มีไม่ถึง 1.2 ล้านบาทด้วย กลายเป็นเรื่องวุ่นๆ ที่ไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร
แต่คำถามที่ยังค้างคาใจของสังคมคือธุรกิจดังกล่าวมันคืออะไร และ ทำไมถึงมีการโอนเงินเข้าแอปพลิเคชั่นได้มากมายขนาดนั้น ที่สำคัญวีเจจะได้รับค่าตอบแทนเท่าไหร่จากยอดเงินที่โอนเข้ามามากมายในแอปพลิเคชั่นนี้
ธุรกิจดังกล่าวมีลักษณะเป็นโปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นที่สามารถเล่นได้บน คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือ แท็ปเล็ต เพียงแค่อุปกรณ์เหล่านี้มีอินเตอร์เน็ตคุณก็สามารถเล่นที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ หรือเรียกว่าโปแกรมแชทออนไลน์แบบเห็นหน้า โดยจะมีเหล่า DJ VJ เป็นผู้ออกอากาศแสดงสด ผู้ชมสามารถพูดคุยได้โดยการแชท เห็นกิริยาท่าทางต่างๆเสมือนการถ่ายทอดสด
นอกจากนี้ยังมีการร้องเพลง เต้นโชว์ หรือแสดงความสามารถต่างๆ อีกด้วย คล้ายๆ กับโปรแกรมแคมฟ็อกสมัยก่อนที่เคยโด่งดัง แต่ต่างกันตรงที่ผู้เป็น DJ VJ โปรแกรมแชทออนไลน์ จะได้ส่วนแบ่งรายได้อีกด้วย
คำถามคือรายได้จากการเป็น DJ VJ มาจากไหน
รายได้ดังกล่าวจะมาจากเปอร์เซ็นของยอดการซื้อของขวัญที่แฟนคลับมอบให้กับ DJ VJ คนนั้นนั่นเอง ซึ่งของขวัญที่ว่าจะมาในรูปแบบสติ๊กเกอร์เมื่อผู้ชมเข้าเป็นสมาชิกแล้วจะต้องทำการเติมเงินเข้าแอปฟิเคชั่นไว้ เพื่อนำไปซื้อของขวัญต่างๆซึ่งแบ่งตามเลเวล ยิ่งราคาแพงเลเวลก็ยิ่งสูงขึ้น จากนั้นก็กดส่งคล้ายๆกับส่งสติ๊กเกอร์หรือไอคอนให้ DJ VJ ซึ่งราคาของขวัญมีตั้งแต่หลัก 1 - 9999 บาท ซื้อหนึ่งครั้งส่งหนึ่งที ลองคิดดูว่าวันนึงจะมียอดส่งของขวัญจากผู้ชมเป็นเงินเท่าไหร่กัน
นอกจากนี้เพื่อเป็นการสร้างเรตติ้งและเรียกของขวัญให้กับตัว DJ VJ เอง ก็อาจจะมีการตกลงกันไว้ว่าถ้าส่งของขวัญราคานี้อาจจะมีเต้นโชว์ 1 ชิ้นต่อ 1 เพลง หรือ ถ้าส่งของขวัญให้ในราคาที่สูงขึ้นก็อาจจะได้เบอร์ หรือ ไลน์ หรือ นัดเจอตัวเป็นๆก็ได้แล้วแต่ตามที่ตกลงกันไว้ และบริษัทต้นสังกัดยังจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อให้ผู้ชมได้ร่วมเล่นกับเหล่าบรรดา DJ VJ ที่ตนเองชื่นชอบ ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาด้วย
ส่วนรายได้ของเหล่า DJ VJ ที่ได้รับจากเปอร์เซ็นของเงินของขวัญ คาดการณ์ว่าถ้าอยู่ในระดับท็อปๆ เดือนนึงจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 6 หลัก ถ้าอยู่ในระดับปานกลางถึงธรรมดาจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 5 หลักต้นๆถึงกลางๆ
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าจากรายได้มหาศาลนี้เองบรรดาเหล่า DJ VJ จึงต้องคิดกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับตัวเองและแฟนคลับจะได้ส่งขวัญให้กับตัวเองเยอะๆ แม้กระทั่งบางครั้งยามดึกๆ อาจมีโชว์แนวเซ็กซี่หรือ18+ ด้วยก็มี
ทางด้าน DJ VJ ส่วนมากก็มาจาก พริตตี้ นางแบบ นายแบบ เนตไอดอล โคโยตี้ หรือ บุคคลทั่วไปที่มีความสามารถ เพราะอาชีพนี้ไม่จำกัดเพศหรืออาชีพอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นอาชีพเสริม ซึ่งบางคนก็ทำประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นเอง เพราะความสำคัญอยู่ตรงที่ว่าคุณมีแฟนคลับมากเท่าไหร่ และมีคนส่งของขวัญให้คุณเยอะแค่ไหน หากไม่เป็นที่รู้จัก การแสดงโชว์ไม่เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ รายได้ที่ตามมาก็คงไม่เยอะตามไปด้วย
หากมองเผินๆธุรกิจแชทออนไลน์ส่งของขวัญให้ DJ VJ ที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของสังคมไทยเท่าไหร่นัก เพราะการให้สิ่งของที่มีค่ากับคนที่เราชื่นชอบโดยเสน่หานั้นก็เปรียบได้กับพ่อยกแม่ยกในสมัยก่อน เพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบในการให้บริการเพื่อให้ทันสมัยมากขึ้นและโชว์ก็เน้นความถึงอกถึงใจเพิ่มขึ้นด้วย แต่ก่อนก็คือป๋าเปในคาเฟ่ แต่เดี๋ยวนี้คือป๋าเปในไซเบอร์
ด้วยรายได้ที่มหาศาลอาจทำให้หลายคนยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนนิยม เฉกเช่นป๋าเปเมื่อติดใจโดยเสน่หาย่อมทำทุกวิถีทางเช่นเดียวกันเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่สนวิธีการว่าถูกหรือผิด ของแบบนี้ไม่มีอุปสงค์ ก็คงไม่มีอุปทาน กว่าจะรู้สึกตัวก็สายเกินไป