ความจริงจากปาก! "ฟิวส์ กิติกร" พระเอกจักรๆ วงศ์ๆ ที่โดนดราม่าทำตัวเป็นเทวดา
จากสัปดาห์ที่ผ่านมาในโลกออนไลน์ต้องบอกว่าข่าวของพระเอกละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่ชื่อว่า "ฟิวส์ กิติกร" ถูกนำมาพูดถึงจนเป็นกระแสดราม่าในการทำตัวเป็น "พระเอกเทวดา" มีพนักงานร้านอาหารอุ้มขึ้นรถเพราะกลัวเปียกฝน แม้ตอนนี้กระแสดราม่าจะค่อยๆ จางไปแต่กลับส่งผลต่อความรู้สึก "ฟิวส์ กิติกร" ที่เปิดใจผ่านทีมข่าว Sanook! News 5 ปีที่อยู่ในวงการบันเทิงและถูกจดจำเป็นพระเอกจักร์ๆ วงศ์ๆ ตอนนี้กลับถูกจดจำไปในด้านลบ
"ตั้งแต่ผมเล่นละครมาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเจออะไรที่ดราม่ามาติดตามด่าเราเราขนาดนี้ เราก็ละครที่จักรๆ วงศ์ๆ มันก็จะมีแค่แฟนละครของเราแค่กลุ่มนึง เราก็อาจจะมีชื่อและคนรู้จักของเราแค่กลุ่มคนเล็กๆ แต่ตอนนี้เป็นอะไรที่เจอเขาด่ากันกระจายทั่วโซเชียล"
ฟิวส์พระเอกหนุ่มที่แจ้งเกิดจากละครจักรๆ วงศ์ๆ เล่าถึงสิ่งที่ตัวเขาต้องเจอและความรู้สึกเมื่อตัวเองเป็นบุคคลที่ถูกสังคมวิจารณ์
"หลังจากที่มีข่าวออกไปว่าผมทำตัวเป็นพระเอกเทวดาก็ ตื่นเช้ามาก็มีแฟนคลับส่งไลน์มาให้ว่าเป็นห่วงนะและญาติๆ โทรมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องมันเป็นยังไง และก็เป็นกำลังใจให้ ส่วนตัวผมตอนแรกที่เห็นข่าวยอมรับว่ารู้สึกนอยด์และก็รู้สึกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคำพูดคำด่าต่างๆ เพราะปกติเวลาผมโพสต์รูปเป็นประจำก็จะมีแต่คนมาพูดคุยทักทาย แต่ที่นี่มีคำแปลกๆ คือคำด่า พิการหรือเปล่า เป็นง่อยหรอ เดินไม่เป็นหรือไง คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาหรอ พอได้อ่านก็รู้สึกว่ามันทำให้ผมแอบกังวลว่าคนจะจำภาพเราเป็นแบบในข่าว"
ความจริงจากปาก "ฟิวส์ กิติกร" ด้วยสังคมยุคนี้มักจะตัดสินคนจากภาพและความรู้สึกแรกที่เห็น แต่ขาดการไตร่ตรองถึงเรื่องราวความจริงซึ่งฟิวส์บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมไม่ได้มีเจตนาทำตัวเหนือหรือวิเศษกว่าใคร
"วันนั้นมีงานอีเว้นท์ผมรับงานร้องเพลงไว้ แต่ได้แวะกินข้าวแถมสะพานซังฮี้ แล้วก็ฝนตกหนักมาก พอฝนตกหนักเราก็นั่งรอให้มันซานิดๆ แต่มันก็ยังไม่ซาแล้วก็ใกล้ถึงเวลาจะต้องไปงาน ผมก็เดินออกมามีพนักงานบริการปกติ มีกางร่มให้พอมาถึงที่ตรงรถเรา ตอนแรกก็จะเดินลุยแต่พอลองเอาเท้าจุ่มลงคือไม่รอดเปียกแน่นอน พี่บุ๊ค ผู้จัดการ ก็บอกว่า ฟิวส์ไม่ต้องย่ำรองเท้าสีขาวเดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ ผู้จัดการก็บอกว่าพี่จะเป็นคนย่ำไปเอง
ที่นี้น้องเด็กรับรถบอกเอาแบบนี้เดี๋ยวผมไปขับมาให้ดีกว่าเขาก็เข้าไปในรถเขาก็กลับมาบอกว่าขับยังไงครับพี่ ผมขับรถรุ่นนี้ไม่เป็นเขาก็บอกว่าไม่เป็นไรครับพี่ เขาก็จับผมอุ้มเลยโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัว แล้วผมก็เราเป็นผู้ชายไม่เคยโดนใครอุ้มมันก็เลยเขินๆ หันไปยิ้มกับผู้จัดการ ผู้จัดการก็ขำก็เลยยกโทรศัพท์มาถ่ายเพราะมองว่าเขาบริการประทับใจและน่ารักมาก และกลายเป็นข่าวที่หลายๆ คนคิดว่าผมทำตัววีไอพี พิการเดินไม่ได้ พระเอกเทวดาตามข่าวเลยครับ"
ถามถึงผลกระทบต่อการใช้ชีวิตหลังจากที่โดนวิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียลแม้ส่งผลให้เขาเป็นที่รู้จักภายในข้ามคืน แต่อีกมุมกลับก็ส่งผลกระทบทำให้การใช้ชีวิตปกติตัวเองต้องเปลี่ยนไป
"ที่โดนวิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียลจะส่งผลให้เข้าเป็นที่รู้จักภายในข้ามคืน แต่ในอีกมุมนั้นก็ทำให้การใช้ชีวิตปกติ"ก็รู้สึกว่าเกร็งไปเลย แต่ตอนนี้เราเราไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนพฤติกรรมในการมองว่าเราเป็นคนยังไง จริงๆ ผมเป็นคนยิ้มง่าย แต่เขามองจากกระแสวิจารณ์ที่ตำหนิต่อว่าเขาอาจจะคิดว่าเราเป็นคนเรื่องมากหรือเปล่า ซึ่งชีวิตจริงๆ ปกตินิสัยจริงๆ ของผมเป็นคนยิ้มง่ายไม่ใช่เป็นคนเรื่องมาก แล้วก็ไม่ใช่เทวดาหรือเป็นคนดังอย่างทีทุกคนเข้าใจ เพราะเป็นคนง่ายๆ เวลาเจอที่ไหนเข้ามาทักพูดคุยกันได้"
คำวิจารณ์ คือ "บทเรียนสอนใจ"
"กับเหตุการณ์เรื่องราวที่สังคมวิจารณ์ผมน้อบรับและขอโทษ เราโพสต์คลิปเพราะอยากจะบอกว่าชื่นชมพนักงานร้านนี้ ชื่นชมน้องคนนี้ด้านบริการจริงๆ เราไม่ได้คิดถึงตรงที่เราทำตัวพิเศษเหนือใคร แต่พอมาเจอกระแสทุกๆ คนดูแล้วไม่พอใจ ผมน้อมรับจากนี้ไปก่อนที่จะโพสต์ภาพหรือคลิปก็คงต้องมาคิดให้มากว่ามันส่งผลอะไรบ้างและว่าสมควรมั้ย และอยากให้เข้าใจผมไม่ได้เป็นเทวดา คนวีไอพีมาจากไหน ผมก็เป็นคนธรรมดาเพียง แต่ว่าวันนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ"
แต่อย่างไรตามคงปฏิเสธไม่ได้จากพระเอกจักรๆ วงศ์ๆ ที่เคยเป็นภาพจำ แต่จากกระแสดราม่าครั้งนี้ได้สร้างภาพจำใหม่ที่มาพร้อมฉายาในเชิงจิกกัด "ฟิวส์พระเอกเทวดา"
"ผมยินดีน้อมรับครับ รู้สึกเป็นเกียรติมากไม่ว่าจะเรียกอะไรก็ตาม เรียกอะไรก็ได้ที่เขารู้สึกในใจอยากจะเรียก ผมแค่นักแสดงตัวเล็กๆ ที่เกิดจากจักรๆวงศ์ๆ แต่วันนี้คนเรารู้จักมากจากกระแสข่าวแล้วดังแบบข้ามคืน แต่ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เราก็ยังเหมือนเดิมเล่นละคร โชว์ตัว ออกคอนเสิร์ตเหมือนเดิม ไม่ได้มีความเป็นเทวดา คำว่าเทวดามันเป็นคำที่สูงส่งพอมีคนเรียกแบบนี้ก็รู้สึกว่าเราจะเหมาะที่จะใช่คำนั้นมั้ย"
"แต่ในใจลึกคนเราก็ต้องชอบคำที่เป็นมงคลอยู่แล้ว แต่เพราะว่าคำนี้เป็นคำที่คนเขามองในแง่ลบมาก่อน เราก็ต้องพยายามให้เทวดาคำนี้เป็นคำบวกด้วยการทำตัวยังไงให้ดี เพราะถ้าเกิดเราใช้คำว่าเทวดาแต่เราทำตัวไม่ได้ ชีวิตเราก็คงไม่ดีไปด้วย เราก็เอาคำที่เขาให้เรามาเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง ว่าเทวดาคือสิ่งที่สูงส่งคือสิ่งที่เราจะต้องประคับประคองว่าเราจะต้องทำให้ดี ไม่หลงระเริงครับ"
"ฟิวส์ กิติกร" 5 บนเส้นทางวงการบันเทิง เดิมทีฟิวส์เป็นเด็กหนุ่มต่างหวัดที่เข้ามาเรียนหนังสือและอาศัยอยู่กับพี่สาวในกรุงเทพ แต่ด้วยหน้าตาและหน่วยก้านที่ดูดี ฟิวส์จึงไปสะดุดตาแมวมองและนั้นจึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตกลายเป็นพระเอกจักรๆ วงศ์ๆ
"จุดเริ่มต้นของฟิวส์วันนั้นมาเดินที่มาสเตอร์ตรงลาดพร้าวแล้วเจอ พี่บุ๊ค ปริญญา ผู้จัดการ เขาก็แนะนำตัวว่าเขาทำงานด้านวงการบันเทิง เขาก็ขอโปร์ไฟล์รูปไปเพื่อจะไปเอามาส่งงานให้เราและ คุณไพรัช สังวริบุตร เรียกเข้าไปแคส เรื่องแรกคือเรื่องตุ๊กตาทองปี2552 แต่คนจะจำได้เรื่องที่สอง ดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง ตุ๊กตาทองยังไม่ทันจบถ่ายดาบเจ็ดสีต่อ อยู่หน้าจอไม่ได้หายไปไหน สองปีผมอยู่กับละครจักร์ๆ วงศ์ ๆ ช่องเจ็ดมันเหมือนติดต่อกันคนก็เลยจำหน้าได้"
จากบทสัมภาษณ์เรื่องราวของ "ฟิวส์ กิติกร" สะท้อนให้เห็นว่าสังคมของเราทุกวันนี้คนมักตัดสินกันโดยใช้ความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้งโดยลืมนึกถึงความรู้สึกของผู้ถูกกระทำและไม่มีโอกาสอธิบายเพียงเพราะสังคมโซเชียลได้ตัดสินเขาแล้ว
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ