ชาวบ้านระทึก! ตำรวจยิงรถสกัดจับเอเย่นต์ยาเสพติดที่ห้าง
ชาวบ้านระทึก! ตร.หนองปรือ ชักปืนยิงรถสกัดจับเอเย่นต์ยาเสพติด ที่ห้างสรรพสินค้าเมืองพัทยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (28 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ใช้อาวุธปืนยิงล้อรถปิกอัพ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1ฒย-2642 กรุงเทพฯ เพื่อสกัดจับเอเย่นต์ค้ายาเสพติดที่พยายามจะขับรถหลบหนี หลังจากสืบทราบว่ามีผู้ลักลอบค้ายาเสพติดในพื้นที่
ต่อมาตำรวจได้ส่งสายลับโทรศัพท์ติดต่อล่อซื้อยาบ้าจำนวนหนึ่งจาก นายวสันต์ หรือ กิ๊ฟ อายุ 31 ปี โดยนัดหมายส่งของกันที่หมู่บ้านเอกมงคล 4 ซอย 9 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง แต่ต่อมานายวสันต์ เปลี่ยนแปลงสถานที่ส่งยาและบอกให้สายลับไปเจอกันที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาพัทยาใต้
จึงประสานตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เพื่อขอกำลังเสริม กระทั่งนายวสันต์ ขับรถปิกอัพ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1ฒย-2642 กรุงเทพฯ มาตามนัด ก่อนที่จะมีหญิงสาวชาวไทยทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.สุนิษา อายุ 22 ปี เดินลงมาจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่ใกล้เคียงจึงแสดงตัวเข้าจับกุมตัว น.ส.สุนิษา ไว้ได้
แต่ปรากฏว่านายวสันต์ ที่นั่งอยู่ในรถไม่ยอมให้จับแต่โดยดี และพยายามจะขับรถหนีจนพุ่งชนรถยนต์ของตำรวจที่ขับเข้าไปปิดล้อม เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจชักอาวุธปืนออกมายิงใส่ยางรถยนต์ท่ามกลางประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อหาสินค้าภายในห้าง ต่างพากันตื่นตกใจเสียงปืนที่ดังสนั่น แต่ก็ไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆ และสามารถจับกุมตัวนายวสันต์ ไว้ได้อย่างทุลักทุเล
ตรวจค้นในรถพบของกลางยาบ้า 118 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 4.37 กรัม โดยเหตุการณ์นี้ยังทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรอง สว.สส. ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ร.ต.อ.อิทธิคม บุญเกิด มีแผลแตกที่คิ้วขวาเนื่องจากถูกสะเก็ดกระจกรถยนต์ และ ร.ต.ท.เชนยุทธ ศรีอุดรธนทร มีบาดแผลที่ข้อมือขวา เนื่องจากถูกกระจกรถยนต์บาด ในขณะใช้อาวุธปืนทุบกระจกเพื่อทำการจับกุมผู้ต้องหา
จากการสอบสวน นายวสันต์ หรือ กิ๊ฟ ให้การรับสารภาพว่า ได้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดมานานแล้ว โดยติดต่อขอซื้อยาบ้าและยาไอซ์จากเอเย่นต์ใหญ่ในตลาดไท จ.ปทุมธานี เพื่อนำมาจำหน่ายต่อให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ ส่วน น.ส.สุนิษา แฟนสาวของนายวสันต์ ยอมรับว่าเสพยาจริง แต่ไม่รู้เรื่องที่นายวสันต์ ทำตัวเป็นเอเย่นต์จำหน่ายยาเสพติด
เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งคู่ว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป