"หมอเปรม" การดิ้นรน และ ความน่าเชื่อถือ

"หมอเปรม" การดิ้นรน และ ความน่าเชื่อถือ

"หมอเปรม" การดิ้นรน และ ความน่าเชื่อถือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นอาการดิ้นพล่าน เกินกว่าหลายคนจะคาดคิดว่า หมอเปรมศักดิ์ เพียยุระ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า หมอเปรม นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อดีตผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.หลายสมัย จะออกอาการได้ขนาดนี้

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คนที่เคยสนิทชิดเชื้อกับ หมอเปรม ต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวว่า นักการเมืองคนนี้มีบุคลิกที่น่ารักเป็นกันเองสุภาพ เรียกว่าเจอหน้ากันไม่ว่าสื่อรุ่นพี่รุ่นน้อง หมอเปรม ยกมือไหว้ก่อนมาแต่ไกล

วันนี้เหตุใด หมอเปรม ถึงกับสวมหัวใจสิงห์เล่นบทดุ บทโหด ออกมาวิ่งโร่ฟ้อง กสทช. ฟ้องนายก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ปิดสื่อ ให้ปฏิรูปสื่อโดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 เหตุผลที่ หมอเปรมยกมาอ้าง ในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ก็คือ

มีสื่อมวลชน 5 สำนัก ทำผิดพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 37 โดยบุกรุกเข้ามาในสำนักงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ฯ และกดดันบีบคั้นตนและเสนอข่าวซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อันเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน.......

ขอให้กสทช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ว่ามีการกระทำที่ละเลยของผู้รับใบอนุญาตจริงหรือไม่ โดยหากพบว่าเป็นความจริงขอให้ กสทช.สั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตแก้ไขตามที่สมควร หรืออาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตหรือปิดสื่อทั้ง 5 สำนัก โดยไม่เห็นแก่ต้นสังกัดของผู้กระทำความผิดว่าจะมีอิทธิพลขนาดไหนก็ตาม

เรียกได้ว่า คนที่เห็นข้อกล่าวหาของหมอเปรม ที่ใช้กล่าวหาสื่อแล้ว ต้องงงเป็นไก่ตาแตก ..เพราะก่อนหน้า ข่าวโด่งดัง ที่หมอเปรม ขึ้นเป็นข่าวใหญ่บนหน้าสื่อหัวสีทุกสำนักก็คือ เป็นผู้กระทำโดยใช้ให้เจ้าหน้าที่เปลื้องผ้าผู้สื่อข่าวอาวุโส แล้วบันทึกภาพไว้ เป็นการกระทำเพื่อตอบโต้ ที่มีภาพข่าวของตัวเองกำลังผูกข้อมือกับหญิงสาว ที่มีการพูดถึงกันว่าเป็นเด็ก ม.5 โดยมี เงินใส่พาน จำนวนมาก และมีพระพุทธรูปตั้งทับอยู่ด้วย

แต่วันนี้กลับตาลปัด กลายเป็นว่า หมอเปรม กล่าวหาว่า นักข่าวกระทำการบีบบังคับใจตน บุกรุกสถานที่ทำงาน และละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหมอเปรม....

ในเมื่อหมอเปรม จงใจเล่นบทบาทนี้ ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ กสทช. ก็ตรวจสอบไป ส่วนนายกรัฐมนตรีจะให้หน่วยงานใดตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ ยังไม่ปรากฏข่าว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมีข้อน่าสังเกตในหลายประการ

ประเด็นแรก ทำไม หมอเปรมมาร้อง กสทช. กับนายกรัฐมนตรีให้ปิดสื่อ ปฏิรูปสื่อ โดยใช้ข้อกล่าวหา บุกรุก บังคับขืนใจ ละเมิด กระทำผิดศีลธรรมอันดีงาม โดยไม่ฟ้อง ต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนหน้านั้น ที่เดินทางไปเป็นเพียง การลงบันทึก ไม่ใช่การแจ้งความดำเนินคดี..

หมอเปรมจงใจใช้กระบวนการทางปกครอง ให้หน่วยงานกำกับเข้าไปตรวจสอบ ไม่ฟ้องตามกฎหมาย เพราะการใช้วิธีการทางปกครอง ไม่มีกรณีแจ้งความเท็จใช่หรือไม่ ...?

ประเด็นต่อมา การฟ้องร้องทางปกครอง เพื่อต้องการเบี่ยงประเด็น สำคัญของตนเองที่จะตกเป็นรองก็คือ กรณีภาพผูกข้อมือ...ซึ่ง หมอเปรมย้ำหนักแน่นมาตลอดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเป็นการนำเงินไปช่วยเหลือเด็กที่ได้รับความเดือดร้อนเท่านั้น

การลงทุนทะเลาะกับสื่อ ถึง 5 สำนัก ซึ่งโดยปกติแล้วผิดวิสัยของนักการเมือง ไม่มีใครอยากทะเลาะด้วย และโดยรูปการณ์ จากปากคำ จากสภาพแวดล้อมต่างๆ เรียกได้ว่า น้ำหนักข้อกล่าวหาของหมอเปรม ค่อนข้างเบา เพราะปกตินักข่าวจะบุกเข้าห้องแหล่งข่าวแล้วบีบบังคับให้ให้สัมภาษณ์ เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่เคยได้ยินมาก่อน

ในประเด็น ข้ออ้างที่บอกว่ามีการละเมิดความเป็นส่วนตัว หมอเปรม บอกเองว่า ตัวเองเป็นคนสาธารณะ และโดยตำแหน่งหน้าที่ นักการเมือง ย่อมเป็นบุคคลสาธารณ ที่ต้องถูกตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่ว่าการกระทำใดๆไม่ว่าเรื่องทำงาน หรือเรื่องส่วนตัว...

ยกตัวอย่างเป็นเป็นเกียรติให้แก่หมอเปรม ก็คือ กรณีประธานาธิบดีบิล คลินตัน กับกรณีอื้อฉาวกับนักศึกษาสาวฝึกงาน... ลูวินสกี้ ครับ นั้นจะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการทำงานในฐานะบุคคลสาธารณะได้หรือไม่...?

วันนี้ หมอเปรม ยอมลงทุนหนัก เดิมพันหนัก ขนาดนี้ เพราะอะไร คนที่ผ่านเวทีการเมืองทั้งเวทีเล็กเวทีใหญ่ เคยใช้สื่อเป็นเครื่องมือ เคยบริหารเรื่องข่าวสารมาในระดับที่ไม่ธรรมดา ทำไมถึงลงทุนหนักขนาดนี้ น่าติดตามครับ ว่าผลของเรื่องนี้จะออกมาเป็นอย่างไร...?

หรือเป็นเพราะวันนี้ความเสื่อมศรัทธาได้ลุกลามไปมากจนไม่สามารถยับยั้ง จึงจงใจเล่นบทบาทเช่นนี้ ...จับตาดูกันต่อไปครับ....

โดย เปลวไฟน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook