พบผักตบชวาแม่น้ำปราณบุรี ชาวบ้านวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาด่วน

เมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบปัญหาผักตบชวาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก คล้ายปัญหาที่ จ.ชัยนาท ,นครปฐม และอยุธยา โดยคราวนี้พบว่าเป็นปัญหาผักตบชวาที่ แม่น้ำปราณบุรี ม.2 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยพบปัญหาใหญ่คือผักตบชวาขึ้นปกคลุมหนาแน่นเต็มแม่น้ำปราณบุรี ความยาวหลายกิโลเมตร จนมองไม่เห็นท้องน้ำ ประกอบกับมีวัชพืชชนิดอื่นขึ้นปกคลุมร่วมด้วย

เบื้องต้นส่งผลกระทบโดยตรงคือไม่สามารถใช้สายน้ำดังกล่าวสำหรับสัญจรได้อย่างแน่นอน เพราะผักตบและวัชพืชหนาแน่นเกินกว่าที่จะขยับตัวได้ และยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศของสัตว์น้ำ เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นรบกวน สัตว์น้ำ เช่นปลา หอย ที่เคยมีอยู่หลายชนิดต้องตายไปชาวบ้านในพื้นที่ไม่สามารถจับสัตว์น้ำเหล่านี้เพื่อการบริโภคได้เหมือนในอดีต ประกอบกับปัญหาน้ำเสียยังส่งผลทำให้เกิดปัญหายุงชุกชุม สร้างความเดือนร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก

นางสาวพิลาสินี ผาดศรี ชาวบ้านเขาน้อยล่าง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมีบ้านพักอยู่ติดกับแม่น้ำปราณบุรี และต้องใช้ประโยชน์จากลำน้ำนี้ ด้วยการดูดน้ำขึ้นมาอุปโภคบริโภค แต่พบว่า น้ำมีสีดำและส่งกลิ่นเหม็น จึงไม่สามารถใช้น้ำได้ ต้องนำไปบำบัดก่อน และปัญหาหนักที่พบเจออยู่ในขณะนี้ คือ ปัญหายุงที่ชุกชุมอย่างมาก จนกลัวว่าสมาชิกในบ้านจะป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก จึงอยากขอร้องให้หน่วยงานที่ดูแล เร่งช่วยเหลือชาวบ้านด้วย เพราะดูข่าวในหลายจังหวัดมีการระดมกำลังกันแก้ไขกำจัดผักตบชวา ก็อยากให้ช่วยกำจัดผักตบชวาในแม่น้ำปราณบุรีด้วยเช่นกัน

ด้านนายวิเชียร ศรีลิพิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.เขาน้อย กล่าวว่า แม่น้ำปราณบุรี มีต้นกำเนิดจากผืนป่าแก่งกระจาน ไหลผ่านเทือกเขาตะนาวศรีด้านตะวันตก ที่ อ.หัวหิน ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำปราณบุรี ที่ อ.ปราณบุรี และออกทะเลที่ปากน้ำปราณ โดยในอดีตแม่น้ำปราณบุรีแห่งนี้เป็นแม่น้ำที่มีความสวยงาม น้ำใสสะอาด มีสัตว์น้ำหลายชนิด

ซึ่งชาวบ้านต่างอาศัยดำรงชีพจับสัตว์น้ำจากแม่น้ำ และใช้ประโยชน์จากการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตร ตลอดจนใช้สัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้าน สร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และระยะยังการสัญจรทางน้ำลดความสำคัญลง ประชาชนหันไปใช้รถยนต์เพื่อการเดินทางมากขึ้น แต่ยังคงใช้ประโยชน์จากแม่น้ำปราณบุรีเพื่อการดำรงชีพและการเกษตรเป็นหลัก

แต่พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม่น้ำแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้น้ำในแม่น้ำลดต่ำลงคงเหลือแค่รักษาลำน้ำเท่านั้น ประกอบกับผักตบชวาได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แถมยังขวางกั้นการระบายน้ำ ทำให้น้ำไม่สามารถไหลเวียนได้ จนน้ำเกิดเน่าเสีย และกระทบต่อสัตว์น้ำที่ทยอยตายไปเรื่อยๆ และยังพบด้วยว่า ผักตบชวายังกลายเป็นที่หลบซ่อนของสัตว์มีพิษ จำพวก งู อีกด้วย

โดยก่อนหน้านี้ ภาครัฐและภาคเอกชน เคยบูรณาการ ร่วมกันกำจัดผักตบชวาทุกปี แต่ก็ไม่สามารถจัดการต่อผักตบชวาให้หมดไปได้ และว่างเว้นไม่ได้กำจัดผักตบชวามานานแล้ว อีกทั้งขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝน หากมีฝนตกลงมาปริมาณมากผิดปกติจะไม่สามารถระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ทัน อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรได้ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานในพื้นที่ หรือผู้เกี่ยวเข้ามาตรวจสอบและช่วยกันแก้ไขโดยเร็วที่สุด