พ่อค้านั่งประท้วงหน้า สตช. โวยโจรถอนเงินเกือบล้านจากบัญชี

พ่อค้านั่งประท้วงหน้า สตช. โวยโจรถอนเงินเกือบล้านจากบัญชี

พ่อค้านั่งประท้วงหน้า สตช. โวยโจรถอนเงินเกือบล้านจากบัญชี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อค้าหนุ่มยกบ้านนั่งประท้วงที่ถนนหน้า สตช. หลังไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกคนร้ายปลอมเอกสาร ถอนเงินเก็บในบัญชีเกือบล้านบาทไป

(19 ส.ค.) เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมา บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 นายพันธุ์สุธี มีลือกิจ เจ้าของร้านประดับยนต์ อายุ 28 ปี พร้อมกับครอบครัว ได้มารวมตัวชูป้ายเรียกร้องของความเป็นธรรม หลังถูกคนร้ายโจรกรรมเงินฝากไปเกือบ 1 ล้านบาท ผ่านระบบแอปพลิเคชั่นธนาคารชื่อดัง

กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ นายพันธุ์สุธี ถูกคนร้ายโอนเงินฝากไว้ในบัญชีธนาคารกสิกรไทย โดยใช้วิธีติดต่อขอเปลี่ยนซิมใหม่กับทรูมูฟ จากนั้นได้เปลี่ยนรหัสเข้าใช้แอปพลิเคชั่น K-Mobile Banking ของธนาคารกสิกรฯ ก่อนจะโอนเงินในบัญชีหายไปทั้งหมด 986,700 บาท

นายพันธุ์สุธี ได้มอบหลักฐานต่างๆ ให้กับ พ.ต.อ.ธวัชศักดิ์ โปตระนันทน์ รอง ผบก.อก.สทส. เพื่อเรียกร้องให้ธนาคารกสิกรไทย และบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น รับผิดชอบ เนื่องจากมีคนร้ายไปหลอกขอรหัสผ่านแอปพลิเคชั่น K-Mobile Banking โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขากรุงศรีอยุธยา ไปจนหมดบัญชี

คนร้ายยังได้ไปแจ้งกับทางทรูมูฟว่า ซิมหายและต้องการขอซิมใหม่ โดยใช้สำเนาบัตรประชาชนปลอมที่ทำขึ้นมา โดยที่ข้อมูลในบัตรเป็นของตัวเอง แต่เป็นภาพของคนร้าย ซึ่งปกติแล้วการขอซิมใหม่จะต้องใช้บัตรจริงเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าผ่านการอนุมัติได้อย่างไร

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ทางทรูมูฟก็ยังไม่เคยติดต่อมาหาหรือแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นเมื่อได้ซิมใหม่ คนร้ายก็โทรไปขอรหัสผ่าน K-Mobile Banking กับคอลเซ็นเตอร์โดยใช้ข้อมูลในบัตรประชาชน เมื่อได้รหัสมาคนร้ายก็โอนเงินออกจากบัญชีไปจนหมดรวมทั้งสิ้น จำนวน 986,700 บาท และเหลือเงินในบัญชีเพียง 58 บาท

นายพันธุ์สุธี กล่าวว่า ตนใช้บริการธนาคารนี้มานานกว่า 5 ปี เพราะเชื่อว่ามีความมั่นคงและปลอดภัยแต่กลับต้องมาหมดตัวเพราะกรณีดังกล่าว แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ ธนาคารได้ติดต่อกลับมาหาว่าสามารถชดใช้ได้เพียงร้อยละ 33 จากความเสียหายเท่านั้น ส่วนที่เหลือให้ได้ส่วนที่เหลือไปให้ตามเอาเองกับทรู และคนร้ายต่อไป

ขณะนี้ได้ไปแจ้งความเอาไว้แล้วที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจระบุว่าไม่สามารถดำเนินคดีเพราะถือว่าธนาคารเป็นผู้เสียหาย แต่ธนาคารกับทรูไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆ

ทำให้ต้องเป็นคนสืบหาข้อมูลของคนร้ายเอง จนขณะนี้ได้ภาพใบหน้าของคนร้าย ภาพเจ้าของบัญชีรับโอนเงินของตัวเองและภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทรูช้อปขณะกำลังติดต่อขอซิมใหม่ และได้เดินทางเรียกร้องความเป็นธรรมกับหน่วยงานต่างๆ มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นายพันธุ์สุธี ยังบอกอีกว่า กรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตนเองเป็นครั้งแรก ยังเคยมีผู้ตกเป็นเหยื่อแบบนี้อีก 6 ราย แต่บางรายได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารเป็นอย่างดี แต่ในส่วนของตนกลับถูกเพิกเฉย เพราะเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาๆ คนหนึ่ง จึงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะตอนนี้สิ้นเนื้อประดาตัว เงินเก็บทั้งชีวิตหายไปกับโจรแล้ว

ขอบคุณเนื้อหาข่าว จส.100

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook