สุดสงสาร "น้องมุ่ย" เด็กปานดำที่กำลังลุกลามไปทั่วตัว
วอนช่วยเหลือหนูน้อยปานดำลุกลามเกือบทั่วตัว ไม่มีเงินรักษา อยู่กับยายที่กระท่อมเก่าๆ แพทย์แนะให้รีบนำตัวผ่าตัด หวั่นหนูน้อยเกิดอันตรายถึงชีวิต หากปานดำลุกลามรอบตัว
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนหนองตาฉาว ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เป็นโรงเรียนที่ เด็กหญิงปภาศิริ หรือ น้องมุ่ย อายุ 5 ปี ศึกษาอยู่ น้อยมุ่ยเกิดมามีร่างกายผิดปกติ ผิวหนังบริเวณลำตัวหน้าหลังจะมีปานดำขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ รวมทั้งตามร่างกายและใบหน้าเริ่มมีจุดดำเล็กๆ ขึ้นไปทั่วร่างกาย ปัจจุบัน น้องมุ่ย อาศัยอยู่กับยาย ที่มีฐานะยากจนและไม่มีเงินรักษา จึงวอนขอให้ผู้ใจบุญให้ความช่วยเหลือในการนำตัวไปรับการรักษาผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 150 หมู่ 2 บ้านหนองตาฉาว อยู่ห่างจากโครงการไร่ชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ประมาณ 8 กิโลเมตร ลักษณะบ้านเป็นปูนชั้นเดียว หลังคาสังกะสี สภาพเสื่อมโทรม ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก มีแต่เครื่องนอนหมอนมุ้ง และโทรทัศน์เก่าๆ 1 เครื่อง ในบ้านพบ นางวันดี บัวเจริญ อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นยายของน้องมุ่ย เป็นผู้ที่ดูแลปัจจุบัน
จากการตรวจสอบดูร่างกายของน้องมุ่ย พบว่าที่บริเวณแผ่นหลังมีปานดำขนาดใหญ่ลั กษณะเนื้อย่นและมีขนขึ้นปกคลุมอยู่เต็มแผ่นหลัง ลุกลามไปทั่วสีข้างทั้งสองด้านมาถึงหน้าอกและท้องด้านหน้า เหลือระยะห่างประมาณ 3-4 นิ้ว ก็จะชนกันที่บริเวณหน้าอก นอกจากนี้ที่บนศีรษะ ขา แขน นิ้วมือ และใบหน้ายังพบมีปานดำขนาดเล็กขึ้นกระจายอยู่ทั่ว
นางวันดี เล่าว่า น้องมุ่ยเป็นลูกของหลานสาว แต่หลานสาวกับแฟนได้แยกทางกันเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน แล้วได้ทิ้งน้องมุ่ยไว้ให้ตนเลี้ยงดูเพียงลำพัง น้องมุ่ยมีปานดำติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด ตอนอายุได้ประมาณ 1 เดือน ตนได้พาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลชะอำ ก่อนจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี และส่งต่อไปที่โรงพยาบาลศิริราช
โดยแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช บอกว่าปานดำที่ตัวน้องมุ่ยจะลุกลามใหญ่ตามตัวไปเรื่อยๆ ต้องทำการรักษาโดยการฉายแสง เพื่อยับยั้งเซลล์และผ่าตัดนำผิวหนังที่ขามาปลูกทดแทน หากปล่อยไว้ให้ปานดำที่ด้านหลังแผ่ขยายออกไป จนไปชนกันถึงหน้าอก น้องมุ่ยอาจจะมีอาการหายใจไม่ออก และอาจส่งผลถึงชีวิตได้ แต่หลังจากกลับมาแล้ว ตนก็ไม่ได้พาน้องมุ่ยไปหาหมออีก เพราะไม่มีเงินที่จะพาไปรักษาและทำการผ่าตัด
"ตอนแรกๆ น้องมุ่ยยังไม่ค่อยมีอาการอะไร แต่พออายุได้ประมาณ 2-3 ขวบ ปานดำเริ่มมีขนขึ้นทั่วบริเวณ ช่วงอากาศร้อน และตอนกลางคืนน้องมุ่ยจะมีอาการคันและมีไข้ขึ้นสูงทุกครั้ง ขณะนี้ปานดำได้ขยายตัวลุกลามไปทั่วแผ่นหลังสีข้างและกำลังจะมาบรรจบที่หน้าอก" นางวันดี กล่าว
นางวันดี ยังบอกอีกว่า ตนสงสารน้องมุ่ยมาก กลัวน้องมุ่ยจะเสียชีวิต แต่ก็ไม่มีปัญญาหาเงินที่ไหนมารักษา ทุกวันนี้ตนร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง หูก็ฟังไม่ค่อยได้ยิน แต่ก็ต้องกัดฟันออกไปของานจากชาวบ้านทำ เพื่อนำเงินค่าแรงซึ่งได้วันละ 150-300 บาท มาซื้อนม ผ้าอ้อม และซื้อยามารักษาน้องมุ่ยตามมีตามเกิด และยังต้องเผื่อแผ่ไปเลี้ยงลูกของหลาน ซึ่งเป็นเด็กชายวัย 3 ขวบ และ 5 ขวบ อีก 2 คน
"หากวันไหนฉันป่วยหรือฝนตกก็ทำงานไม่ได้ไม่มีเงินก็อดกันทั้งครอบครัว ก็วอนขอผู้ใจบุญ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือนำตัวน้องมุ่ยไปรักษา ให้ปานดำหายไปจากตัวน้องมุ่ยด้วย ฉันสงสารหลานมาก ไม่อยากให้ต้องเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้" นางวันดี กล่าวทั้งน้ำตา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อาการของน้องมุ่ย กำลังอยู่ในขั้นลุกลามเป็นแผ่นปานขนาดใหญ่ไปทั่วร่างกาย และกำลังลุกลามเข้าไปที่ดวงตา ผู้ที่จิตเมตตาต้องการช่วยเหลือนำน้องมุ่ยไปรักษาตัว หรือช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์สามารถติดต่อได้ที่ นางวันดี บัวเจริญ หมายเลขโทรศัพท์ 090-1508774 หรือบริจาคได้ที่ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ (โครงการ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาท่ายาง บัญชีเลขที่ 020006610948