โจรลาวโชว์สกิลเทพ ใช้ลวด 7 ซม. ปล้น จยย.แค่ 3 วินาที

ตำรวจอึ้ง จับหนุ่มลาวกำลังจะขโมยรถจักรยานยนต์ นำกลับไปขายที่เมืองลาว สารภาพใช้เส้นลวดยาวเพียงแค่ 7 เซนติเมตร ก่อเหตุไม่ถึง 3 วินาที ในพื้นที่อำนาจเจริญโดนไปแล้วกว่า 9 คัน เผยได้วิชามาจากคุก

เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สภ.เมืองอำนาจเจริญ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เทวราช เอื้อวงศ์ประเสริฐ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอำนาจเจริญ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ท้าวอามิด สีแดง วัย 25 ปี ชาว สปป.ลาว ผู้ต้องหาที่ตะเวนก่อเหตุขโมยรถจักรยานยนต์ในเขตพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ ขณะเตรียมกำลังจะก่อเหตุขโมยรถจักรยานยนต์อีกครั้งที่บริเวณลานจอดรถด้านหลังธนาคาร ธกส.อำนาจเจริญ

จากการสอบสวน ท้าวอามิด สีแดง ให้การรับสารภาพว่า ตนได้ตะเวนก่อเหตุขโมยรถจักยานยนต์ในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อเหตุไปแล้วประมาณ 9 คัน เขตอำเภอเมืองอำนาจเจริญ 2 คัน อำเภอปทุมราชวงศา 3 คัน อำเภอชานุมาน 4 คัน โดยจะเลือกขโมยรถจักรยายนต์ฮอนด้า เวฟ เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่ไมได้มีการล็อคคอรถขโมยง่ายที่สุด

ท้าวอามิด จะเดินทางข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทางเรือมาลงที่อำเภอเขมราฐ จากนั้นจะนั่งรถตู้โดยสาร ไปตามอำเภอต่างๆ ในจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อขโมยรถ เมื่อขโมยได้แล้วก็จะขับรถจักรยานยนต์ที่ขโมยมาได้กลับมาส่งให้กับนายหน้าชาวลาวที่ อ.เขมราฐ ในราคาคันละ 6,000 บาท

โดยที่นายหน้าจะนำเรืองหางยาวมารับรถที่ขโมยได้ตามจุดที่ได้นัดหมายไว้ ซึ่งท้าวอามิด ก็จะเดินทางกลับไปด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตามจับกุมองเจ้าหน้าที่ โดยรถที่ขโมยมาได้นายหน้าจะนำกลับไปขายต่อในราคาคันละ 10,000-13,000 บาท

เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่า ท้ายอามิด เคยถูกจับและต้องโทษจำคุกในคดีลักษณะเดียวกันนี้ โดยเพิ่งพ้นโทษออกมาต้นปี 59 ที่ผ่านมา ระหว่างที่ติดคุกก็ได้ไปเรียนรู้วิชาโจรกรรมรถจักรยานยนต์จากเพื่อนที่ติดคุกด้วยกัน เมื่ออกมาจึงตระเวนก่อเหตุ โดยใช้เส้นลวดขนาดเล็ก ที่มีความยาวเพียงแค่ 7 เซนติเมตรเท่านั้นเป็นอุปกรณ์ในการโจรกรมรถ แต่ละคันใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาทีเท่านั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในระหว่างการแถลงข่าวมีกลุ่มผู้เสียหายเดินทางมาดูผู้ต้องหา ซึ่งรถที่ผู้ต้องหาขโมยไปเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งติตามนำกลับคืนมาให้ผู้ต้องหา พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ เพื่อที่คนร้ายจะได้ไม่ได้ไปก่อเหตุอีก