สาวนั่งขอทานหาเงินสู้คดี ถูกพนักงานแบงค์ปลอมลายเซ็นจนเป็นหนี้

สาวนั่งขอทานหาเงินสู้คดี ถูกพนักงานแบงค์ปลอมลายเซ็นจนเป็นหนี้

สาวนั่งขอทานหาเงินสู้คดี ถูกพนักงานแบงค์ปลอมลายเซ็นจนเป็นหนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น.ส.วรณัน ณ ลำพูน อายุ 32 ปี ทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว อบจ.ลำปาง นำกระป๋องและป้ายขอความเป็นธรรม ขอรับบริจาคเงินรวม 100,000 บาท ที่บริเวณหน้ามุขศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีหลังจากถูกพนักงานธนาคารปลอมลายเซ็นไปเปิดบัตรเครดิตซึ่งมียอดเรียกเก็บเกือบแปดหมื่นบาท โดยที่ตนเองไม่ทราบเรื่อง และกำลังจะถูกยึดบ้านหลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

ซึ่ง น.ส.วรณัน ณ ลำพูน ได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้าที่ตนเองได้ไปเปิดบัญชีที่ธนาคารรัฐแห่งหนึ่ง เพื่อใช้เป็นบัญชีในการโอนเงินเดือนเข้าทุกเดือนของ อบจ.ลำปาง และได้ขอสินเชื่อบัตรเครดิตเอาไว้ด้วย แต่ไม่รับการตอบกลับ จึงคิดว่าไม่ได้รับการอนุมัติ หลังจากนั้นไม่นานก็มีเงินเข้าบัญชีทั้งเงินเดือนและโอที ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าเป็นค่าอะไรอื่นๆอีกบ้าง

จนภายหลังทราบว่าธนาคารได้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 10,000 บาท ซึ่งตนเองก็ยินยอมชำระหนี้ดังกล่าว เพราะได้นำเงินทั้งหมดไปใช้โดยไม่ทราบมาก่อน แต่หลังจากนั้นก็แปลกใจว่าทำไมมีการหักเงินในบัญชีโดยไม่ทราบสาเหตุ

หลังจากนั้นไม่นานก็มีหมายศาลมาที่บ้านที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งทางพ่อแม่ก็ตกใจว่าทำไมลูกถึงมีหนี้ร่วมแสนบาท ทางตนเองก็งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้เข้าไปร้องทุกข์กับทางธนาคาร ผ่านผู้บริหารของ อบจ.ลำปาง ให้ตรวจข้อมูลเอกสารและหนี้ที่เกิดขึ้น

จึงพบว่าพบว่าพนักงานของธนาคารคนหนึ่งได้ปลอมเอกสารสมัครบัตรเครดิต เช่น ประวัติการทำงานซึ่งตนเองเป็นเพียงพนักงานจ้างชั่วคราวของ อบจ.ลำปาง แต่กลับถูกปลอมเป็นข้าราชการ จากเงินเดือนเพียง 8,000 บาท เป็น 20,000 บาท และปลอมลายเซ็นในการกู้เงินโดยยินยอมให้หักเงินในบัญชีทุกเดือน ซึ่งลายเซ็นตรงกับของพนักงานธนาคารที่เซ็นในพาสปอร์ตของพนักงานคนดังกล่าว

ทั้งนี้พนักงานคนดังกล่าวได้ยอมรับว่าการปลอมลายมือชื่อก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทางลูกค้าเท่านั้น เมื่อตนเองได้ยินดังนั้นจึงขอให้พนักงานธนาคารรับผิดชอบเงินที่ธนาคารฟ้องพร้อมค่าใช้จ่ายรวม 80,000 บาท แต่ไม่ได้รับคำตอบและความรับผิดชอบใดๆ จึงตัดสินใจแจ้งความที่ สภ.เมืองลำปาง และหลังจากนั้นตนเองได้ถวายฎีกา โดยได้มีหนังสือมายังอัยการเพื่อให้ดูแลและให้ความเป็นธรรมกับตนเอง ซึ่งรอมาปีกว่าแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

ตนเองรู้สึกเครียดและหมดหนทางแล้วจึงได้มานั่งขอทานเพื่อหาเงินไปใช้หนี้และต่อสู้คดี เพราะไม่อยากให้บ้านซึ่งเป็นทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายของพ่อแม่ต้องถูกยึด และตนเองก็เป็นเพียงพนักงานจ้างชั่วคราว ซึ่งจะหมดสัญญาในเดือนกันยายนนี้ จึงไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ที่ตนเองไม่ได้ก่อและต้องมาสู้คดีทั้งๆที่คนกระทำผิดกลับลอยนวล

ขอบคุณข้อมูลจาก morning-news

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook