ลำดับเหตุการณ์ โชเฟอร์โหดฆ่าทุบหัวชิงทรัพย์ผู้โดยสาร
จากกรณีข่าวสะเทือนขวัญเมืองไทยคดี ฆ่าทุบหัว ชิงทรัพย์สาวใหญ่บนรถทัวร์ ด้วยวิธีการสุดป่าเถื่อนใช้ท่อนเหล็กทุบหัวเหยื่อแล้วนำศพลากไปทิ้งกลางทุ่งนาอย่างเลือดเย็น เพียงเพื่อหวังทรัพย์สินที่ตัวเหยื่อเท่านั้น
แต่เรื่องที่น่าเศร้าก่อนเหยื่อสิ้นใจได้โทรหาลูกสาวเพื่อขอความช่วยเหลือและนั่นคือเสียงสุดท้ายจากปลายสายของเหยื่อฆาตกรรมสุดโหด ปล่อยทิ้งไว้เพียงความโศกเศร้าของญาติมิตรและความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
คดีนี้ตำรวจใช้เวลาแกะรอยตามล่าฆาตรกรอยู่ 2 วัน ก็สามารถจับกุมตัวฆาตกรเลือดเย็นคนนี้ได้ที่กระท่อมปลายนาขณะหลบซ่อนตัว โดยได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีที่จดจำใบหน้าของคนร้ายได้อย่างแม่นยำ จากภาพที่แชร์ทางสื่อโซเชียลมีเดียเพื่อช่วยกันตามหาฆาตกรใจโฉดมาลงโทษและรับผลกรรมที่ก่อขึ้น
เหตุใดถึงต้องฆ่า เหตุใดต้องชิงทรัพย์ ตามไปย้อนรอยคดีฆ่าโหดชิงทรัพย์สาวใหญ่บนรถทัวร์
วันที่ 27 ส.ค. 59 เวลาประมาณ 13.30 น. นางบุญเพ็ง(ผู้ตาย) ขึ้นรถที่บริเวณศาลาปากทางบ้านนาฝาย เพื่อที่จะเดินทางกลับบ้านที่ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ภายหลังจากมาเยี่ยมป้าที่มีอาการป่วย ที่บ้านชาดใหญ่ ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม
จากนั้นเวลาประมาณ 17.00 นางสมพร อายุ 39 ปี บุตรสาวของผู้ตายไม่สามารถติดต่อแม่ของตนเองได้ และได้สอบถามไปยังญาติที่สุรินทร์ได้รับคำตอบว่าแม่ยังไม่ถึงบ้าน ด้วยความกระวนกระวายใจจึงได้พยายามติดต่อมารดาอีกครั้ง และได้ยิงเสียงแม่ร้องขอความช่วยเหลือ "ช่วยแม่ด้วย มันตีแม่ มันมัดแม่ไว้ มืดไปหมด แม่จะตายแล้ว" จากนั้นสายก็หลุดไปจึงได้โทรแจ้งตำรวจ
เช้าตรู่วันที่ 28 ส.ค. 59 ข่าวร้ายก็มาถึงเมื่อชาวบ้านพบรถรถโดยสารปรับอากาศ ป.2 สายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ จอดติดหล่มอยู่บริเวณถนนระหว่างหมู่บ้านดงบากไปบ้านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย เมื่อเข้าไปตรวจสอบบนรถทัวร์พบคราบเลือดจำนวนมาก และบริเวณใกล้เคียงซึ่งเป็นทุ่งนาห่างไปประมาณ 20 เมตร พบหญิงสาวถูกทำร้ายร่างกายที่ใบหน้าและศีรษะอาการสาหัส ก่อนเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล
ทราบชื่อต่อมาคือ นางบุญเพ็ง อายุ 56 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปมีสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และสร้อยข้อมือหนัก 1 บาท ส่วนแหวนทองคำและเงินสดอีก 27,000 บาทของผู้ตายซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าชั้นในยังคงอยู่
จากหลักฐานที่พบคาดว่าคนร้ายจะทำร้ายผู้เสียชีวิตจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งข้างทาง เนื่องจากพบบัตรประชาชนของคนขับทราบชื่อ นายวัชรินทร์ อายุ 26 ปี ชาว จ.มหาสารคาม ซึ่งได้หายตัวไปจากที่เกิดเหตุกลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันที
วันที่ 29 ส.ค. 59 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นเร่งล่าตัวผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นคนร้ายและได้ออกหมายจับทันที คือ นายวัชรินทร์ ประทุมพร อายุ 26 ปี ผู้ก่อเหตุครั้งนี้ที่ยังคงหลบหนีอยู่ และชาวเน็ตได้แชร์ภาพรูปพรรณสัณฐานคนร้ายเพื่อกดดันให้มามอบตัวและเป็นเบาะแสให้ประชาชนทั่วไปช่วยกันติดตามตัวคนร้ายรายนี้
และแล้วข่าวดีก็มาถึงวันที่ 30 ส.ค. 59 พลังแห่งโซเชี่ยลก็แผลงฤทธิ์เมื่อมีประชาชนแจ้งเบาะแสว่าพบ นายวัชรินทร์ อายุ 26 ปี โชเฟอร์ฆ่าชิงทรัพย์ผู้โดยสาร บนรถโดยสาร สายร้อยเอ็ด-มหาสารคาม ที่บ้านจอกขวาง หมู่6 ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคามและตำรวจสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้แล้ว
ช่วงเย็นของวันเดียวกันจากการสอบสวนผู้ต้องหาได้สารภาพว่าก่อนเกิดเหตุได้เสพยาบ้าเข้าไปจำนวนหนึ่งกระทั่งพบเห็น นางบุญเพ็ง โบกเรียกรถอยู่ข้างทาง จึงได้จอดให้ขึ้นมา เมื่อขับรถมาถึงแยกบ้านยางบ่ออี ได้แวะจอดรถทำท่าเป็นรถเสีย ก่อนจะใช้จังหวะขึ้นไปบนรถทำร้ายเหยื่อเพื่อหวังชิงทรัพย์ โดยชกใบหน้าไป 1 ครั้ง ทำให้เหยื่อสลบ กระทั่งขับรถต่อไปอีกระยะหนึ่ง เหยื่อ
กลับฟื้นคืนสติและวิงวอนขอให้ปล่อยตัว จึงใช้ค้อนเคาะยางรถตีใส่ศีรษะของเหยื่อจนแน่นิ่ง ก่อนจะขับรถไปติดหล่ม
แล้วจู่ๆเหยื่อก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง นายวัชรินทร์จึงได้ลากเหยื่อลงจากรถแล้วพาไปที่ทุ่งนา ห่างจากตัวรถราวๆ 20 เมตร ก่อนจะใช้เท้ากระทืบซ้ำย้ำๆ จนแน่ใจว่าเหยื่อเสียชีวิตแล้ว ก่อนจะหลบหนีไป
จากคำสารภาพแสดงถึงพฤติการณ์ของคนร้ายที่โหดเหี้ยมมาก ถึงแม้ว่าเหยื่อจะร้องขอชีวิตแต่ก็ไม่เยแส กลับมาทำร้ายเหยื่อซ้ำอีกเพื่อให้ถึงแก่ความตาย เพียงแค่ต้องการทรัพย์สิน เพื่อสนองตอบความเป็นทาสของยาเสพติด
ถึงแม้ว่าคดีนี้จะสามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว แต่หนึ่งคำถามของสังคมคือประชาชนยังมีความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินอยู่หรือไม่ ในเมื่อคดีฆ่าชิงทรัพย์ยังเกิดขึ้นเป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่ร่ำไป
ฆาตกรโหดหน้าใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสังคมไทยล้มเหลวทางด้านกฎหมายที่อ่อนแอ หรือ ปัญหายาเสพติดที่ไม่อาจแก้ไข..???