อั้ม อธิชาติ ยื่นฟ้องบริษัทคู่กรณีข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน

อั้ม อธิชาติ ยื่นฟ้องบริษัทคู่กรณีข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน

อั้ม อธิชาติ ยื่นฟ้องบริษัทคู่กรณีข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลายเป็นมหากาพย์อีกเรื่องของวงการบันเทิงเสียแล้ว สำหรับกรณีที่นักแสดงบางส่วนของซีรี่ส์ฟอร์มยัก "เจ้าเวหา" ของผู้จัดมือใหม่ "อั้ม อธิชาติ" และภรรยาสาว "นัท มีเรีย" ยังไม่ได้รับค่าตัว โดยทาง อั้ม-นัทได้ตั้งโต๊ะแถลงแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนจ่ายเงินให้กับ บริษัคู่กรณีหมดแล้ว และไม่เข้าใจทำไมบริษัทดังกล่าวไม่กระจายรายได้ให้นักแสดง ซึ่งต่อมาไม่นานทาง บริษัทคู่กรณี ที่ถูกกล่าวหาก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงขึ้น โดยส่งที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายประจำบริษัทออกมาโต้กลับ พร้อมยืนยันบริษัทตนเป็นบริษัทผลิตละครไม่ใช่บริษัทจัดหานักแสดง ทั้งเผยอั้ม-นัทยังติดหนี้อยู่ราวๆ 27 ล้านบาท

ล่าสุดในวันนี้ (8 กันยายน 2559) อั้ม อธิชาติ และทนายส่วนตัว นายปริยพล กมลศิลป์ ได้เดินทางมาที่ศาลอาญารัชดา เพื่อยื่นฟ้อง บุคคล หรือกลุ่มบุคคล หรือบริษัทใดก็ตามที่ทำให้ตนและครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียงในข้อหาหมิ่นประมาท โดยเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 50 ล้านบาท พร้อมยืนยันเรื่องทุกอย่างที่พูดตั้งแต่ต้นคือความจริง ตนได้ชำระเงินหมดเรียบร้อยแล้ว

"วันนี้ทางผมและทนายตัวแทนได้มายื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอความเป็นธรรม ให้ศาลได้ลงโทษบุคคล กลุ่มบุคคล และบริษัทที่ทำการหมิ่นประมาท ให้ข้อมูลการเป็นเท็จ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับตัวผม และครอบครัวผม"

ใช่บริษัทที่อ้างว่าเราติดเงินอยู่27ล้านหรือเปล่า?
"เอาเป็นว่าบุคคลใด หรือกลุ่มบุคคลใดที่ได้พูดหมิ่นประมาท ผมก็ฟ้องบุคคลนั้นแหละครับ วันนี้ได้เตรียมเอกสารที่ถูกต้องเพื่อยื่นร้องต่อศาลเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ศาลพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมดได้"

วันนี้มีจำเลยที่เป็นคน กลุ่มบุคคล หรือบริษัททั้งหมดเท่าไหร่?
"ผมขอให้เป็นขั้นตอนของศาลแล้วกัน วันนี้แค่มายื่นฟ้องต่อศาล ซึ่งยังไม่ได้มีการตัดสินใดๆ ทั้งสิ้น ผมเข้าใจเดี๋ยวมันจะไม่ยุติธรรมต่อฝ่ายตรงข้าม เพราะฉะนั้นผมขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน"

จะมีการฟ้องค่าเสียหายไหม?
"ในวันนี้ได้มีการฟ้องค่าเสียหายไป โดยเป็นตัวเลข50ล้านบาท"

อีกฝ่ายได้ออกมาชี้แจงว่าเราติดเงินเขา27ล้าน จริงไหม?
"ผมขออนุญาตชี้แจงเท่าที่ผมชี้แจงได้ ว่าบริษัทหกหนุมาน ได้เป็นกลุ่มผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีสัญญาการผลิตจากทางช่องทรู โฟร์ ยู ในส่วนของการร่วมงานทางบริษัท หกหนุมาน ได้มีการร่วมงานกับทีมงานหลายๆ ท่าน หรือกับบริษัทต่างๆ ซึ่งบริษัท หกหนุมานได้ควบคุมการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย และได้มีการชำระเงินให้ทุกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ผมขอถามกลับถ้าทุกฝ่ายที่ทำงานกับผมและมีค่าใช้จ่ายจริงๆ และได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว ผมจะต้องไปเป็นหนี้กับใครอีก"

วันที่คู่กรณีแถลงเขาบอกเราค้างชำระอีก4งวด ใบเสร็จยังอยู่ที่เราไหม?
"จริงๆ เรื่องรายละเอียดต่างๆ ที่ในเป็นดีเทลของบริษัทขออนุญาตไม่พูด แต่ผมยืนยันตรงนี้ว่าบริษัท หก หนุมานได้ชำระค่าใช้จ่ายให้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายอื่นๆ มันเกิดขึ้นจากค่าอะไร"

ยืนยันได้ว่า39ล้าน เราจ่ายหมดเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?
"ใช่ครับ การทำงานของผมตลอดระยะเวลา8เดือน กับทีมงานหลายชีวิต ทุกคนล้วนได้รับค่าใช้จ่ายและมีบิลใบเสร็จถูกต้องทุกอย่าง"

ทางเขามีข้อความไลน์เป็นหลักฐานในการพูดคุยเหมือนเรายอมรับหนี้ของเรา?
"อย่างที่ผมเคยเรียนว่าการพูดคุยทางธุรกิจมันมีการพูดคุยหลายขั้นตอน มันมีการตัดตอนมาแค่บางส่วน ก็ต้องดูว่าก่อนหน้านั้นยกเหตุผลไหนมาพูดคุย แต่ตอนนี้ผมตอบได้เพียงแค่นี้ รายละเอียดต่างๆ ถ้าผมมีเอกสารก็ต้องพิสูจน์เอกสาร ณ วันนี้เรามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ขออนุญาตให้ศาลเป็นผู้ตัดสินทุกอย่างที่เป็นจริง ในวันนี้ผมและทางครอบครัวถูกหมิ่นประมาทในข้อมูลที่เป็นเท็จ ผมไม่ตอบโต้กับผู้ใด ผมขอใช้สิทธิ์ตามกฎหมายครับ"

จำนวนเงินทั้งหมดที่เราจ่ายไป เรามีบิลหลักฐานใช่ไหม?
"ผมจะมีผู้รับเงินที่เป็นทีมงานของผมและบริษัทที่ร่วมกัน ซึ่งเราก็มีใบเสร็จ ใบกำกับภาษีทุกอย่าง บริษัทที้ร่วมงานกับผมไม่มีใครเดือดร้อนเลยเรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าเกิดการไม่ได้จ่ายเงินจริงๆ คงมีบุคคลอื่นมาเรียกร้องเพิ่มแล้ว"

ทางนักแสดงที่ไม่ได้รับค่าตัวได้เข้ามาปรึกษาเราบ้างไหม?
"ก็ได้มีการปรึกษาผ่านทางตัวแทนของทั้ง2ฝ่าย คือจะแบ่งออกเป็น2กลุ่ม สำหรับนักแสดงอิสระที่ไม่ได้ขึ้นกับบริษัทใดก็จะจ่ายเงินให้โดยตรง แต่นักแสดงที่มีการถูกว่าจ้างมาโดยบุคคลหรือบริษัทใดๆ เมื่อถึงเวลาชำระ ผมก็ชำระให้กับบริษัทที่ว่าจ้าง เมื่อผมได้ชำระไปแล้ว บริษัทนำไปชำระจ่ายหรือยัง"

เขายืนยันว่าบริษัทเขาไม่ใช่บริษัทจัดหานักแสดง?
"ที่ผมแถลงข่าวครั้งที่แล้วไม่ได้ต้องการที่จะพาดพิงถึงใคร ผมแค่แถลงว่าผมและบริษัทรับผิดชอบทุกอย่างตามหน้าที่ของเรา และผมไม่เคยพูดต่อว่าบริษัทไหน ผมไม่ทราบว่าเป็นการว่าจ้างนักแสดงแบบไหน แต่นักแสดงท่านนั้นๆ ที่มีบริษัทว่าจ้างนักแสดง ได้มาบอกว่ามีการจ้างนักแสดงจริง และมีการคิดค่าบริการ แต่ผมทำหน้าที่ผมเสร็จสิ้นแล้ว"

บริษัทคู่กรณีกับบริษัทเราเกี่ยวข้องกันยังไง?
"เราได้เริ่มงานกับหลายๆ บริษัท ในช่วงแรกบริษัทคู่กรณีมีหน้าที่จัดหานักแสดง ทีมงาน ไปแสดงตามที่ต่างๆ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่านี่คือการทำงานร่วมกันครับ และเรามีบริษัทที่ทำงานร่วมกันเยอะ แต่ผมเป็นบริษัทที่ควบคุมการผลิต ได้รับมอบหมายจากทรู โฟร์ ยู ผมจึงต่องมีการใช้บริการบริษัทที่มีความสามารถในด้านนั้นๆ ซึ่ง หก หนุมานเป็นผู้ควบคุมการผลิต และดูแลในทุกขั้นตอนทั้งหมด"

เรายืนยันได้ว่าเราทำหน้าที่ผลิตละครตั้งแต่ต้นจนจบ?
"หน้าที่เดียวที่ผมยังไม่ได้ทำคือเสิร์ฟน้ำครับ"

ได้ยกเลิกการทำงานร่วมกับบริษัทคู่กรณีไปแล้วหรือยัง เพราะเขาบอกว่าได้เริ่มถ่ายทำภาค 2 ต่อไปแล้ว?
"ยกเลิกไปนานแล้วครับ แต่การทำงานในบางส่วนอย่างที่ผมเรียนว่าด้วยความที่บริษัทเป็นพี่เป็นน้องกัน เราได้ยกเลิกกันไปตั้งแต่ภาค 1 แต่ในการทำงานบางส่วนก็มีการให้โอกาส เพื่อให้บริษัทพี่น้องทำงานกันแบบที่ไม่กระทบกระทั่งกัน สุดท้ายแล้วรายละเอียดต่างๆ คงต้องขอสงวนไว้"

ทางฝั่งเขาบอกว่าอยากให้ไปเจรจากัน?
"ณ ตอนนี้ผมขอใช้ขั้นตอนทางกฎหมาย เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างบุคคล มันเป็นเรื่องระหว่างบริษัท เพราะฉะนั้นถ้าต่างฝ่ายต่างมีข้อมูลมีเอกสารของตัวเอง ผมขอให้ศาลเป็นคนตัดสิน ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว การเป็นพี่เป็นน้องที่รู้จักกันมาพี่วินัยเป็นผู้ให้โอกาสและเป็นผู้ได้รับโอกาส เราต่างช่วยเหลือการทำงานซึ่งกันและกันมาโดยตลอด แต่อย่างที่เรียนว่าผมสำนึกบุญคุณทุกท่านที่ให้โอกาสผม ผมสำนึกบุญคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านที่รายงานข่าวผม ผมก็เลยต้องตอบว่า การตอบแทนบุญคุณผมทำได้ในพื้นฐานของคุณธรรม ศีลธรรม"

แสดงว่าก่อนหน้านี้หลังจากเขาแถลงไปแล้ว เราไม่ได้มีการเจรจาเพิ่มเติมนอกรอบก่อนจะแจ้งความใช่ไหม?
"ไม่มีครับ ผมขอใช้ขั้นตอนทางกฏหมาย ไม่พูดคุยใดๆ ครับ"

ความรู้สึกวันนี้เป็นยังไงที่เขาทำให้เราเสียใจขนาดนี้?
"บรรยายไม่ถูกหรอกครับ"

ถึงขั้นแตกหักไปเลยไหม?
"เอาเป็นว่า ต่างคนต่างทำงานดีกว่า"

ข่าวที่บอกว่าหลังเกิดเรื่อง ทางทรูโฟร์ยูไม่ได้ติดต่อให้กำลังใจอั้มเลย ไม่ช่วยไกล่เกลี่ยเลยจริงไหม?
"จริงๆ ก็มีติดต่อมา มีการสอบถามและแสดงความเป็นห่วงครับ"

วันนี้มายื่นฟ้องต่อศาล อั้มมั่นใจทุกอย่างว่าเราไม่มีความผิด?
"ใช่ครับ ผมมั่นใจครับ ผมเชื่อว่าผมไม่ได้ทำงานบริษัทตัวคนเดียว ผมมีพยานหลักฐาน เอาง่ายๆ เราทำงานมา 8-9 เดือน เราทำงานกันเป็นร้อยชีวิต ทุกคนที่ทำงานร่วมกับผมเราฝ่าฟันความยากลำบากมาด้วยกัน เราผ่านจุดนั้นมาได้ยังไง เราผ่านจุดนั้นมาด้วยความถูกต้องหรือเปล่า"

อีกกี่วันศาลจะรับฟ้อง?
"ในเบื้องต้นนัดไต่สำนวนฟ้องจะเรียก 16 ม.ค. ปีหน้า"

เตรียมใจเป็นมหากาพย์ยาวนานหรือยัง?
"ให้เป็นไปตามขั้นตอนครับ"

ยาวนานแบบนี้จะดำเนินการผลิตต่อหรือพับโปรเจคไปเลย?
"ผมในฐานะที่เป็นทีมโปรดักชั่น เราพยายามทุกขั้นตอนให้งานออกมาดีที่สุด อาจจะมีผิดพลาดบ้าง อาจจะมีไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามเตรียมงานในภาคที่ 2 ที่เริ่มถ่ายทำไปบ้างบางส่วน พร้อมจะหยุดและปรุบเพื่อให้ได้ตามจุดประสงค์ที่ทางช่องต้องการ เพื่อให้คนดูได้สิ่งดีที่สุด ปัจจุบันมันเกิดเหตุการณ์นี้ผมก็ต้องแล้วแต่ช่องพิจารณาจริงๆ ว่าจะยังไง"

เบรกไว้ก่อน?
"จริงๆ ก่อนที่จะมีเรื่องราวตรงนี้ออกมาก็ได้มีการหยุดและปรับเปลี่ยนแก้ไขรายละเอียดแในเรื่องต่างๆ มาอยู่แล้วประมานนึง ก็ยังไม่ทราบว่าจะให้ทำต่อหรือเปล่า ก็ต้องแล้วแต่ครับ"

มีข่าวว่าจะกลับไปทำงานกับทางช่อง 3 แล้ว?
"ยังไม่ทราบเลยครับ ผู้ใหญ่ทางช่อง 3 ทุกท่านเป็นเหมือนครอบครัวผม ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูง ผู้จัดทุกท่านให้โอกาสผมตั้งแต่เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ วันนึงผมพร้อมจะตอบแทนบุญคุณของช่องอยู่แล้วไม่ว่าจะหน้าที่ใดๆ"

ทางคู่กรณีบอกเป็นลิขสิทธิ์ของเขา 100% ด้วย?
"เรื่องลิขสิทธิ์มันมีรายละเอียดอยู่ที่ต้องอธิบายในชั้นศาล ผมขออธิบายภาษาบ้านๆ แล้วกันว่า ผมได้มีการพูดคุยกับผู้เขียนบทประพันธ์มาตลอดตั้งแต่เริ่มเรื่อง พูดคุยสิ่งที่ผมต้องการคืออะไร จุดมุ่งหมายของบทละคร ณ ปัจจุบันก็ได้มีการพูดคุยกันอยู่ ทางผู้เขียนบทประพันธ์ได้แจ้งว่าผมได้รับสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามเจตนาที่ผู้เขียนบทประพันธ์ตั้งใจที่จะมอบให้ แต่รายละเอียดว่าใครเป็นเจ้าของสิทธิ์บทประพันธ์ที่แท้จริงคงต้องไปคุยกันในชั้นศาล"

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ อั้ม อธิชาติ ยื่นฟ้องบริษัทคู่กรณีข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook