ยึดทรัพย์ จีทูจีปลอม 7 พันล้าน สัญญาณแรงคดีรับจำนำข้าว

ยึดทรัพย์ จีทูจีปลอม 7 พันล้าน สัญญาณแรงคดีรับจำนำข้าว

ยึดทรัพย์ จีทูจีปลอม 7 พันล้าน สัญญาณแรงคดีรับจำนำข้าว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นประเด็นร้อน ท่ามกลางหน้าฝน ที่บางคนอาจจะหนาวไปถึงขั้วหัวใจ เมื่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ประกาศอายัดทรัพย์ ของกลุ่มบริษัทสยามอินดิก้า , บริษัท สิราลัย ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทกีธา และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง จำนวนประมาณ 7,000 ล้านบาท

จากฐานความผิดตามที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 21 คน กระทำความผิด เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอรายอื่น แล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ นำไปขายต่อให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้บริษัท สยามอินดิก้า นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศและประเทศชาติ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท อันเป็นความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542

ซึ่งคดีนี้เราจักกันดีในนาม คดี จีทูจีปลอม โดยการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมีการเอื้อกันเป็นขบวนการ ทำให้ผู้ที่รับผิดชอบ ในส่วนของนักการเมือง และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ จะถูกบังคับทางปกครองชดใช้ค่าเสียหายจากการขายข้าวจีทูจี มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท อีก 6 คน คือ

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ , นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ , พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ , นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ , นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ

ก็ต้องดูขบวนการบังคับทางปกครองว่าจะสามารถเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในส่วนนี้ได้อีกมากน้อยเพียงใด แต่ผลที่ออกมา ทิศทางที่ชัดเจน ว่าปัญหาจากโครงการรับจำนำข้าว ของรัฐบาลที่ผ่านมา และความเสียหายที่เกิดขึ้น กำลังถูกดำเนินการเพื่อเรียกคืน และ จากผลและทิศทางของกรณี จีทูจีปลอม นี้ ย่อมส่งผลสะเทือนไปยังภาพรวมของ คดีในภาพใหญ่ คือความผิดพลาดของนโยบาย และ การไม่ยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ คดีของอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังเดินหน้าอยู่ในขั้นการสอบพยานของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ เพราะโดยบทบาท ของนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว และ บทบาทที่ปรากฏต่อสื่อในการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อหลายครั้งหลายคราว ค่อนข้างชัดเจน

จะอย่างไรก็ตาม ในเมื่อเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นของการพิจารณาของ ศาลฯ ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า การนำเสนอข้อมูลหลักฐาน ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร อีกไม่นานเกินรอก็คงจะมีผลออกมาให้ได้รับรู้กัน

ส่วนในเรื่องของความเสียหายในภาพรวม ของโครงการและความเสียหายจากกรณี จีทูจีปลอม ซึ่งจะถูกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายบุญทรง นั้น ก็มีการจี่ทวงถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบจะดำเนินการเมื่อไร ทั้งๆที่มีกระแสข่าวออกมาว่ามีการสรุปความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว รอเพียงให้รัฐมนตรี ลงนามตามขั้นตอน วันนี้ต้องบอกว่า รัฐมนตรีจะมัวซื้อเวลาไม่ยอมดำเนินการคงจะถูกตั้งคำถาม ถูกกดดันจากสังคมมากขึ้นแน่ๆ

อย่างไรก็ตาม ภาพของความผิดพลาดของการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ในทางอาญา แม้ในทางคดียังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการของกรบวนการยุติธรรมก็ตาม แต่ ผลในส่วนของ คดี จีทูจีปลอม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ค่อนข้างออกมาชัดเจน และคืบหน้าไปเรื่อยๆ.. และโดยสัญญาณโดยทิศทางแล้ว ต้องบอกว่า น่าหนักใจ..และน่าจะสร้างความหวาดหวั่นหนาวไปถึงขั้วหัวใจเป็นแน่แท้...

โดย เปลวไฟน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook