“ไฮโซม่านฟ้า” รับผิดกรณีระดมทุน ยินดีให้ ก.ล.ต.ตรวจสอบ
กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในขณะนี้ สำหรับเรื่องราวของ "ไฮโซม่านฟ้า อรปภัตร จันทรสาขา" ที่มีเรื่องมีราวเกิดขึ้นในกรณีระดมทุนเพื่อที่จะตอบแทนผลกำไรออกไป ว่าถ้านำเงินมาลงทุนจะได้ผลกำไรกลับไป 15 เปอร์เซ็น และเรื่องนี้ถูก ก.ล.ต. (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) กำลังตามตรวจสอบอยู่ ซึ่งเรื่องราวเป็นอย่างไร เธอทำมาเพื่ออะไร และจุดประสงค์คืออะไร เธอจะผิดกฎหมายจริงหรือเปล่า วันนี้ (12 ก.ย.59) รายการ "ปากโป้ง" ทางช่อง 8 กดเลข 27 ที่มี "หนุ่ม กรรชัย" และ "หนิง ปณิตา" ทำหน้าที่พิธีกร ได้คว้าตัวเธอมานั่งเปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าว จะเป็นอย่างไรไปฟังกัน
เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น
"วัตถุประสงค์คือ ม่านบอกเลยว่าม่านไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเลยนะคะ ก็แค่เราอยากจะผลิตสบู่ตัวนึง และสบู่ตัวนี้ดันเป็นแบบ เอ่อ เราคิดว่าน่าจะขายได้โดยช่องทางออนไลน์ที่เรามี คือม่าน มีบริษัทชื่อม่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งบริษัทนี้ทำธุรกิจอยู่แล้ว และล่าสุดก็ได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สบู่ออกมา และช่องทางการจัดจำหน่ายก็คืออนไลน์นะคะ ใครก็ทราบกัน และมันก็เป็นช่องทางที่เราประสบความสำเร็จมาโดยตลอดอยู่แล้วนะคะ เลยมองว่าเราอยากจะผลิตสินค้าตัวนี้ขึ้นมา และเราก็ได้ลองแล้วว่ามันใช้ดีด้วย เราก็คิดว่าถ้าเราผลิตได้เยอะ ๆ ก็สามารถขยายตลาดไปได้อีก"
ในลักษณะที่คุณเปิดออกมาเป็นลักษณ ะม่านฟ้ากรุ๊ป จำกัด คือคุณทำเหมือนเป็นแบนเนอร์ เปิดโอกาสผู้ที่สนใจอยากฝากเงินลงหุ้นไว้ไร้ความเสี่ยง ผลตอบแทนสูง เงินต่อเงินได้โดยการร่วมหุ้นกับบริษัท ได้รับเงินปันผลถึง 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เงินลงหุ้นหนึ่งแสนบาท ได้รับเงินคืนหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ในระยะเวลาทั้งหมด 12 เดือน
"ตอนแรกที่เราให้นะคะ เราจะให้แบบว่าหนึ่งเดือนคือจะเอาหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทหารด้วยสิบสองค่ะ ก็จะได้ต่อเดือนประมาณ 9 พันกว่าบาท"
ถ้าในกรณีอย่างนี้ทั่วไปในลักษณะมันก็เข้าข่ายในเรื่องของการเล่นแชร์ ดอกเบี้ย หรือผลกำไรที่ในได้มามันได้เยอะกว่าการเอาเงินไปลงทุนหรือฝากธนาคาร
"ม่านคิดว่าผลิตภัณฑ์ ๆ นึงนะคะ ม่านคิดว่ากำไร 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปีมันเรื่องปกติ คือมันไม่ใช่ต่อเดือน มันคือต่อปี คิดคำนวณแล้วตกต่อเดือนแค่พันกว่าบาท คือส่วนใหญ่สินค้า ต้นทุนจะมาจากต้นทุนการผลิต ต้นทุนการโฆษณา ต้นทุนค่าพรีเซ็นต์เตอร์ แต่ม่านเอง ม่านเป็นพรีเซ็นเตอร์เองฟรีนะคะ และก็การลงไอจีของม่านก็ฟรี ทำให้เราตัดค่าพรีเซ็นเตอร์ออกไป ตัดเรื่องค่าโฆษณาต่าง ๆ ออกไปก็จะมีต้นทุนการผลิตของเราเนี่ย ผลิตสบู่ของเราได้น้อย"
สมมติว่าผมเองต้องการจะลงทุนกับคุณม่านฟ้า 1 แสนบาทผมจะได้เงินหนึ่งหมื่นห้าพันบาทกลับมาเนี่ยต่อปีหรือต่อเดือน
"ต่อปีค่ะ คือมาเฉลี่ยแล้วตกเดือนละพันกว่าบาท"
วิธีการทำแบบนี้มันผิดกฎหมายหรือเปล่า
"ต้องเรียนตามตรงว่าถ้าเรารู้ว่าวิธีการผิดกฎหมายเนี่ย ม่านไม่ทำแน่นอน อย่างที่บอกคือเราไม่ทราบกฎหมาย"
คุณไม่รู้ข้อกฎหมาย
"คือกฎหมายของทางท่าน ก.ล.ต. เขา ซึ่งมันไม่ใช่กฎหมายทั่วไป ซึ่งตัวม่านเองไม่เคยเล่นหุ้น ไม่เคยอยู่ในตลาดหุ้น ซึ่งเราไม่ทราบกฎหมายเฉพาะตัวนี้อยู่แล้วค่ะ"
แล้วทำไมอยู่ ๆ คุณถึงคิดว่าคุณจะมาระดมทุนตรงนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วเนี่ย ใครก็แล้วแต่เค้าอาจจะรู้จักว่าคุณคือม่านฟ้า แต่ความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่คุณจะให้ความชัดเจนที่เขาจะได้เงินคืนเมื่อมาระดมทุน
"ต้องตอบเหมือนที่ตอบพี่หนุ่มไปเมื่อกี้ว่า เราไม่ทราบเรื่องกฎหมาย เราไม่รู้กฎหมาย ถ้าเรารู้เราไม่ทำอย่างแน่นอนค่ะ และก็ยืนยันไว้ตรงนี้นะคะว่าม่านขอสัญญาเลยว่าจะไม่มีการทำแบบนี้ ในอนาคตนี้ด้วยค่ะไม่มีแน่นอน ก่อนหน้านี้เป็นการชักชวน จริง ๆ เราคิดว่าเราจะชักชวนเฉพาะเพื่อน ๆ เราเท่านั้น ไม่ได้มีการว่า มันเป็นไปได้ไหมว่าถ้าชวนคนนอก และไม่รู้จัก สมมุตว่าม่านไม่รู้จักกับพี่หนุ่มเลย พี่หนุ่มจะเอาเพื่อนที่ไม่รู้จักมาร่วมทุนด้วยไหมคะและคือจริง ๆ มีคนติดต่อเข้ามาเยอะมากค่ะ แต่ด้วยตัวม่าน มีพี่ที่เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายและเรื่องการเงิน พอเห็นม่านโพสต์ปุ๊บ เขาก็เตือนมาว่าน้องม่าน น้องม่านไม่สามารถระดมทุนผ่านสื่อสาธารณะได้นะคะ มันขัดต่อข้อกฎหมายของท่านก.ล.ต.เขา"
แต่ว่าในประเด็นถ้าม่านบอกว่าม่านจะระดมทุนเฉพาะแค่กลุ่มเพื่อนที่รู้จัก ทำไมต้องเอามาลงสื่อโซเชียล
"เพราะว่าในโซเชียลตัวนั้นเนี่ย 1.ในอินสตาแกรมม่าน เราคิดว่าในไอจีเอาเป็นสิทธิของเรา เป็นพื้นที่ของเรา แต่เราลืมคิดไปว่าเออ คนฟอลโลว์เราก็ค่อนข้างใช้ได้"
แบบนี้คนเอาเงินมาลงทุนกับม่านเป็นจำนวนเท่าไหร่
"ตอนนี้ยังไม่ได้มีการรับเงินใครใดใดทั้งสิ้น ม่านเปิดมา 4 วันและก็เป็นข่าวเลยค่ะ และจริง ๆ ม่าน ชะลอตั้งแต่ก่อนเป็นข่าวแล้วด้วยค่ะ และระยะเวลาที่ลง และเป็นข่าวม่านไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย ม่านอยู่ที่ประเทศลาวค่ะ พอ 4 วันปุ๊บเป็นข่าวเลย พอเราเห็นท่านก.ล.ต.เขาเตือนผ่านสื่อเรามาละ อาจจะผิดพรบ.ของเขานะ ม่านก็ยุติและก็ลบทุกอย่างจากไอจีทั้งหมด เพราะผู้ใหญ่เตือนแล้วต้องฟัง เราเป็นเด็กเราไม่ดื้อค่ะ"
สบู่คือผลิตออกมาแล้ว
"ค่ะ เราวางจำหน่ายและก็ผลิตตามแผนนโยบายที่เราวางไว้"
ทำไมไม่ทำคนเดียว ในเมื่อรู้ว่าผลกำไรเยอะ ไปชวนคนอื่นทำไม
"ต้องบอกว่า กำลังการผลิตเราต้องผลิตทีเยอะๆ ถ้าผลิตเยอะเราจะได้ต้นทุนที่ถูกลง คือเราก็แค่แบบอยากชวนเพื่อน ๆ มาลงทุนกันเฉย ๆ แค่เราอยากมีพาร์ทเนอร์เท่านั้นเอง"
ที่คุณบอกมากเมือ่กี้ว่ายังไม่ไม่ใครมาร่วมลงทุนเลย
"ยังค่ะ แต่ในไอจีมีน้องสองคน ขออธิบายนิดหนึ่งนะคะ คือ น้องสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทม่านเลย สองคนนี้เซ็นสัญญาก่อนที่ม่านจะโพสต์ลงไอจีซะอีก สองคนนี้เขาทำสัญญาและยังไม่ได้รับเงินใดใดทั้งสิ้น เพราะเราบอกว่าเราจะรับเงินก็ต่อเมื่อ สินค้าของเราผลิตเสร็จแล้ว ซึ่งในตอนนั้นมันยังผลิตไม่เสร็จนะคะ ผลิตเสร็จแล้วแล้วค่อยโอนเงินมาแล้วกัน"
ตั้งแต่เราคุยกันมามายังไม่ค่อยเข้าใจระบบจ่ายเงินของคุณเลย ย้อนกลับไปผมเอาเงินมาให้คุณหนึ่งแสนบาท ทำสัญญา เขาจะเขียนว่าอะไร
"เขาก็จะเขียนชื่อนามสกุลค่ะ วันที่ลงเงิน ผลตอบแทนรายได้"
ผลจะได้เงินตอบแทนกลับมาในทุกเดือนหรือว่า
"ทุกเดือนในส่วนของเงินต้นและ สมมติม่านรับมาแสนนึง พี่หนุ่มก็จะได้หมื่นห้าต่อปี เฉลี่ยเลยค่ะ หารกัน เท่ากับจะได้ หนึ่งแสนบวกหนึ่งหมื่นห้าพันบาท แล้วก็หารด้วยสิบสอง และก็จะตกเดือนละ 9 พันกว่าบาททุกเดือน ๆ จนครบ 1 ปี"
คุณยืนยันนะว่าไม่ได้ให้ผลกำไรเกิน 15 เปอร์เซ็นต์
"ยืนยันค่ะ ไม่มีค่ะ ชัดเจนค่ะ เขียนว่า 15 เปอร์เซ็นต์ต่อ12เดือน"
คุณจะต้องออกมาพูดคุยเรื่องนี้ เพราะว่ามันมีผลกระทบต่อคุณละมีผลกระทบอะไรบ้าง
"จะบอกว่าเครียดมาก และก็ม่านคิดว่าเรื่องแบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และอีกอย่างหนึ่งต้องบอกเลยว่าตัวม่านเองเนี่ยไม่ทราบเรื่องข้อกฎหมายเฉพาะนี้จริง ๆ ผลกระทบคือก.ล.ต.ส่งเอกสารมาให้เราแสดงบัญชีของการรับเงิน และก็แสดงบัญชีกับทางท่านก.ล.ต.แล้วว่าไม่มีใครโอนเข้ามาจริง ๆ นะ และก็ไม่มีการรับเงินจากใครเลยทั้งสิ้น ตอนนี้ยังไม่ได้ไปพบท่านนะคะ ท่านแค่ให้เราส่งเอกสารชี้แจงค่ะเราก็ส่งเอกสารชี้แจงไปค่ะ คือต้องบอกว่าถ้าจะระดมทุนแบบนี้ต้องมีใบอนุญาตจากทางก.ล.ต.ก่อนค่ะซึ่งของม่านยังไม่มีค่ะ"
เราไม่ทราบกฎหมายข้อนี้ และมารู้ตัวเมื่อไหร่
"รู้ตัวตอนที่ม่านอยู่ที่ลาวค่ะ และก็เป็นข่าว และก็มีรุ่นพี่ท่านนึงที่เขาเชี่ยวชาญทางด้านการเงินและเข่ารู้กฎหมายตัวนี้ เขาบอกว่าน้องม่านเราม่สามารถระดมทุนผ่านสื่อสาธารณะได้ ตอนนั้นม่านก็ระงับเลย อาจจะขัดต่อข้อกฎหมาย"
นอกจาก ก.ล.ต.ให้ส่งเอกสารเข้าไปชี้แจงแล้ว มีเรียกให้เข้าไปพบอะไรอีกไหม
"เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ค่ะ ตัวม่านเองก็ไม่ทราบขั้นตอนตรงนี้ ม่านส่งเอกสารไปชี้แจงแล้ว แต่ถ้ายังมีข้อสงสัยม่านยินดีให้ความร่วมมือแน่นอน ถ้ามีโอกาสคงกราบขอโทษท่านด้วยเนื่องจากม่านได้ไปสร้างภาระให้ท่านและก็เจ้าหน้าที่นะคะ ให้มีภาระมากขึ้น ก็ต้องขอโทษไว้ ณ ตรงนี้ด้วยค่ะ"
ก่อนหน้านี้ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน
"เราไม่รู้กฎหมายเราไม่มีความคิดอะไรเลย เรามองแค่ว่าทำแบบนี้กำไรเราได้แบบนี้นะ เรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ มองแค่เป็นการร่วมหุ้นปกติ ไม่มีเจนตาจะทำไม่ดี และก็ยืนยันว่าไม่ได้รับเงินใครมา และก็ขอย้ำว่าจะไม่มีผู้ร้องทุกข์ไปร้องทุกข์กับทางตำรวจแน่นอน เพราะม่านยังไม่ได้รับเงินใครแม้แต่บาทเดียว"
หลังจากนี้ธุรกิจม่านฟ้ากรุ๊ปจะทำอย่างไร กับข่าวนี้จะดิสเครดิตด้านธุรกิจคุณ
"กังวลมากค่ะ ตอนนี้ทำธุรกิจอาหารเสริมค่ะ"
เรื่องนี้เหตุเกิดมาสักพักละทำไมคุณม่านไม่ออกมาตั้งแต่แรก
"เพราะตอนแรกยังง ว่ามันผิดอะไร เราต้องชัดเจนก่อน เพราถ้าม่านยังไม่ชัดเจนในกระบวนการหลาย ๆ อย่างม่านจะไม่ออกมาพูดเด็ดขาดเพราะว่าพูดไป ก็เดี๋ยวเพี้ยน และคนจะเข้าใจผิด วันนี้ที่ออกมาพูดเพื่ออยากจะยุติว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ไหม โกงเขาไหม คือม่านทำสบู่ตัวนี้จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี"
เรื่องนี้ให้บทเรียนอะไรกับธุรกิจบ้าง
"ต้องเรียนตามตรงว่าข้อกฎหมายนี้เป็นข้อกฎหมายเฉพาะ ซึ่งมันไม่ได้อยู่ในข้อกฎหมายทั่วไปเหมือนการทำบริษัท อันนี้เป็นกฎหมายเฉพาะในบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งเราไม่ทราบจริง ๆ ข้อผิดพลาดนี้ผิดพลาดเองจากตัวเราไม่โทษใครจริง ๆพอมาเจอข่าวนี้เรารู้สึกว่าเหนื่อยเหมือนกันนะ เป็นม่านฟ้าทำอะไรก็ผิด กับแค่จะขายสบู่ยังผิดเลยค่ะสุดท้ายก็ต้องขอกราบเรียนเจตนาม่าน ม่านไม่ได้มีเตนาร้ายใดใดเลยนะคะ เจตนาจะมาทำสบู่จริง ๆ ไม่ได้จะหลอกลวงใคร หรือฉ้อโกงใครที่สำคัญยังไม่ได้รับเงินจากใครเลยแม้แต่บาทเดียวค่ะ กราบขอโทษท่านก.ล.ตที่ม่านไปสร้างภาระหน้าที่ให้กับท่านนะคะ บทเรียนครั้งนี้จะจำเอาไว้เลยค่ะ"
ภาพจากอินสตาแกรม @marnfha
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ