คุณแม่ใจสู้ แม้กายพิการแต่ยังเลี้ยงลูก 2 ขวบ ป่วยกระดูกพรุน
คุณแม่ร่างกายพิการแต่กำเนิด แต่หัวใจแกร่ง วอนช่วยลูก 2 ขวบป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน ขาหักมา 3 ครั้ง เพื่อให้ได้การรักษาต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 2 บ้านเชียงพัง ต.นากว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังทราบว่ามีหญิงพิการร่างเล็ก เดินนั่งไม่ได้ เลี้ยงลูกสาวอายุเพียง 2 ขวบ ขาหัก เพราะป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน เนื่องจากการรักษาไม่ต่อเนื่อง เพราะรายได้ไม่พอใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษา จึงวอนขอความเมตตาจากผู้ใจบุญ ช่วยค่าเดินทางพาลูกสาวไปรักษาที่กรุงเทพ หรือโรงพยาบาลที่สามารถรักษาโรคของลูกสาวได้
เมื่อเดินทางไปถึงพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ภายในบ้านมีหญิงพิการ แขนขาทั้งสองข้างสั้น ลีบ งอ มีความสูงประมาณ 50 ซม.นั่งและเดินไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวด้วยการนอนบนกระดานแผ่นไม้ติดล้อเลื่อน ที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ทราบชื่อ น.ส.พิกุล หินกอง อายุ 28 ปี นอนอยู่ภายในบ้าน และมีลูกสาว ด.ญ.วรัญญา ชมพูวิเศษ หรือน้องนุ่น อายุ 2 ขวบ นอนใส่เฝือกขาข้างขวาเนื่องจากขาหัก นอนอยู่ข้างกัน
น.ส.พิกุล เล่าว่า ตนและสามีชื่อนายนิรันดร ชมพูวิเศษ อายุ 39 ปี อาศัยอยู่บ้านหลังนี้กับพ่อแม่ ตนมีพี่น้อง 2 คน ตนเป็นลูกสาวคนโต มีน้องชายอายุ 18 ปี พ่อแม่และน้องชายมีอาชีพรับจ้าง ตนพิการมาตั้งแต่กำเนิด เนื่องจากแม่รับประทานยาคุมกำเนิดโดยไม่รู้ว่าตั้งครรภ์ จนถึง 6 เดือน
พอคลอดตนออกมาก็มีลักษณะแขน ขา สั้นและลีบ นั่งได้แต่ไม่สามารถเดินได้ ตนต้องนั่งรถวีลแชร์ตลอด จะไปไหนมาไหนก็มีเพื่อนมารับไปเที่ยวเล่นด้วย กระทั่งอายุ 18 ปี ตนนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ไปทำนากับแม่ แต่พลัดตกรถทำให้กระดูกหลังเคลื่อน ไม่สามารถนั่งได้ พ่อจึงได้ทำกระดานติดล้อเลื่อนให้ตนนอนและใช้เท้าถีบยันไปตามที่ต้องการ
ส่วนเรื่องครอบครัว เมื่อปี 2555 ตอนนั้นตนอายุ 23 ปี สามีตนมาเที่ยวบุญประจำปีในหมู่บ้าน กับเพื่อนในหมู่บ้าน และพบกับตนในสภาพคนพิการ เพื่อนบ้านแนะนำให้ตนและสามีรู้จักกัน จนได้พูดคุยกันจนถูกคอ สามีเคยแต่งงานมาก่อน แต่เพราะภรรยาไปมีสามีใหม่ ทำให้สามีของตนหนีไปบวช 7 พรรษา
เมื่อสึกออกมาก็ได้มาพบตน และบอกว่าชอบตนเพราะอัธยาศัยของตนดี ชอบที่นิสัยใจคอของตน จึงบอกรักและขอเป็นแฟน โดยไม่รังเกียจที่ตนเป็นคนพิการ เพราะแม้แต่ภรรยาเก่าเป็นคนปกติยังนอกใจได้ คนพิการคงจะไม่มีวันนอกใจ และจะขอดูแลตนตลอดไป
น.ส.พิกุล เล่าต่อว่า ความรักของตนและสามีไม่ได้ราบรื่น เพราะพ่อแม่ฝ่ายสามีและพ่อแม่ตน ต่างก็กีดกันไม่ยอมให้คบหากัน เพราะพ่อแม่ตนคิดว่าสามีจะมาหลอกตนซึ่งเป็นคนพิการ ส่วนพ่อแม่สามีก็คิดว่า พวกตนจะอยู่ด้วยกันไม่รอด เพราะตนเป็นคนพิการ แต่ตนและสามีไม่ยอมท้อ จะขออยู่ด้วยกัน ขออยู่ด้วยกัน และได้ไปทำงานโรงงานที่ จ.ชลบุรี เข้าปีที่ 3 ตนเกิดตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัวมาก่อน เมื่อคลอดลูกออกมาด้วยการผ่าคลอด ลูกสาวก็ขาหัก เพราะลูกสาวเป็นโรคกระดูกพรุน แต่ตนและสามีก็ได้ช่วยกันเลี้ยงลูก และพาลูกไปฉีดยาบำรุงกระดูก ให้กระดูกหนาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ทุกๆ 3 เดือน
กระทั่งลูกอายุได้ 8 เดือนเริ่มจะตั้งไข่ ได้ก็หกล้มขาหักอีกเป็นครั้งที่ 2 ต่อมาโรงงานได้เลิกจ้าง ครอบครัวตนจึงเดินทางกลับมาอยู่บ้านที่จ.อุดรธานี สามีไปสมัครเป็นช่างเชื่อมอ๊อกเหล็ก ที่โรงงานผลิตสามล้อเครื่อง ได้ค่าแรงวันละ 320 บาท ได้พอค่านมและค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูป และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น
ส่วนตนมีรายได้จากค่าเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท แต่ไม่มีเงินเหลือเก็บที่จะพาลูกสาวไปฉีดยาที่ รพ.รามาธิบดี ถ้าตนและสามีจะพาลูกไปรักษาต้องใช้เวลาเดินทางไป-กลับ และพักรักษา รวม 4 วัน ทำให้ไม่ได้ไปฉีดยา มา 9 เดือนแล้ว และ เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ลูกยังได้หกล้มขาซ้ายหักอีกเป็นครั้งที่ 3 หมอได้เข้าเฝือกอ่อนไว้ให้
ขณะที่พ่อแม่ น้อง และสามี ออกไปทำงาน ตนจะอยู่บ้านเลี้ยงลูก ถึงตนจะเป็นคนพิการ ก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนคนปกติ และยังเลี้ยงลูกได้ ทั้งอาบน้ำ เช็ดตัว ชงนม ทำอาหาร ป้อนข้าว เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกสาวได้ แต่อุปกรณ์ต้องอยู่ในที่ต่ำ ให้ตนสามารถหยิบจับได้ง่าย
ตนเลี้ยงลูกอย่างมีความสุข เห็นตนพิการเช่นนี้ก็ไม่คิดท้อแท้และคิดจะคิดฆ่าตัวตาย เพราะกว่าจะเกิดมาเป็นคนได้ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนก็รัก เมื่อแต่งงานมีครอบครัว สามีและลูกก็รักตนก่อนหน้านี้ตนได้มีโอกาสไปอยู่ศูนย์คนพิการเคยพบคนพิการขาขาดที่คิดค่าตัวตาย ตนได้พูดปลอบให้กำลังใจ เพราะขาขาดยังสามารถเดินได้ด้วยการใส่ขาเทียม ส่วนตนไม่มีโอกาสเดินได้ตลอดชีวิต จนทำให้คนคิดฆ่าตัวตายล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตาย
ซึ่งตนอยากวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือค่าเดินทางพาลูกไปฉีดยารักษาโรคกระดูกพรุน ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี หรือมีหน่วยงานใด เข้ามาให้คำปรึกษาในการรักษาโรคกระดูกพรุนที่ลูกสาวเป็น เพื่อลูกจะได้มีร่างกายแข็งแรง ไม่พิการอย่างตน และจะได้เป็นความหวังและที่พึ่งให้ตนในอนาคต ต่อไป