ย้ายฟ้าผ่า! ครูพละปาแก้วใส่นักเรียน เพื่อนร่วมชั้นยันครูไม่ตั้งใจ
สพม.31 สั่งย้ายฟ้าผ่า ครูพละก่อเหตุปาแก้วกาแฟใส่นักเรียนเสียโฉม ไปช่วยราชการที่โรงเรียนอื่น จนกว่าจะสอบสวนเสร็จ ขณะที่เพื่อนร่วมชั้นยันเป็นเสียงเดียวกัน ครูไม่ได้ตั้งใจทำร้าย
จากกรณีที่เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ถูก นายไพฑูรย์ อายุ 58 ปี ครูวิชาพละศึกษาของโรงเรียนขว้างปาถ้วยแก้วถูกกกหูด้านซ้าย ทำให้ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ส่งผลให้ใบหน้าเสียโฉม ปากเบี้ยว ตาซ้ายปิดไม่สนิท
ขณะที่ทางด้านครูพละคนดังกล่าวได้ยอมรับว่า เป็นเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจปาแก้วไปโดนเด็กนักเรียน เพียงแต่ปาแก้วน้ำไปถูกกำแพง แล้วกระเด็นไปถูกเด็กนักเรียน จนได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดในช่วงบ่ายวันนี้ (14 ก.ย.) เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนโชคชัยสามัคคี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้อนุญาตให้ครูฝ่ายพลศึกษาพาไปดูจุดเกิดเหตุ บริเวณข้างห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา อาคารกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา มีสนามกีฬาตะกร้ออยู่ด้านหน้าอาคาร
พร้อมกันนี้ได้เรียกนักเรียนในชั้น ม.5 ทั้งหมดเกือบ 30 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์เพื่อมาจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้นักเรียนนั่งบริเวณข้างอาคารเหมือนช่วงเกิดเหตุ และให้เพื่อนนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์แสดงเป็นนายไพฑูรย์ ครูผู้ก่อเหตุ กับเด็กนักเรียนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
ซึ่งจากการจำลองเหตุการณ์ นายไพฑูรย์ ได้ยินนักเรียนเล่นกันเสียงดังระหว่างที่กำลังทำฉลากใส่แก้วกาแฟเพื่อแบ่งทีมเตะตะกร้อ จึงได้ออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา และโยนแก้วกาแฟพลาสติกแข็งใส่ไปที่กระจก เพื่อเป็นการห้ามปรามไม่ให้ส่งเสียงดัง ขณะนั้นนักเรียนสาวกำลังยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ใกล้จุดนั้น จึงถูกแก้วพลาสติกแข็งกระเด็นจากกระจกผนังเข้าถูกที่กกหูด้านซ้าย จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
จากการสอบถามเด็กนักเรียนชั้น ม.5 ที่เห็นเหตุการณ์ และเป็นเพื่อนร่วมชั้นของนักเรียนสาวที่ได้รับบาดเจ็บ ทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุการณ์ในวันนั้น ครูไพฑูรย์ ไม่ได้ขว้างแก้วกาแฟใส่ศีรษะโดยตรง แต่เป็นการโยนไปใส่กระจกข้างห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา และแก้วกาแฟเกิดกระทบชิ่งเข้าหากกหูซ้ายอย่างจัง
ซึ่งหลังจากนั้นทุกคนก็ยังเข้าเรียนตามปกติ ไม่ได้คิดว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ และยังยืนยันว่า ครูไพฑูรย์ ไม่ใช่คนที่ดุร้ายชอบความรุนแรง เวลาอยู่นอกเวลาเรียนจะเป็นคนที่ร่าเริงขี้เล่น สนุกสนานกับนักเรียนทุกคน แต่เวลาสอนหนังสือจะเป็นคนจริงจัง และเสียงดังเท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการเอาผิดทางวินัย ที่ทางสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาเขต 31 แต่งตั้งขึ้น โดยมี นายสมัคร ไวยขุนทด ผู้อำนวยการโรงเรียนสุรนารีวิทยา เป็นประธานกรรมการสอบสวน พร้อมกรรมการรวมจำนวน 3 คน ได้เดินทางไปที่โรงเรียนโชคชัยสามัคคี โดยได้ร่วมกันสอบสวนครูพละศึกษาที่ก่อเหตุปาแก้วกาแฟ พร้อมกับสอบพยานทั้งเพื่อนครู และเพื่อนนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ
ก่อนสรุปผลการสอบสวนภายใน 3 วัน ทั้งนี้ผลการพิจารณาโทษทางวินัยขึ้นอยู่กับผลการสอบสวน และดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาว่าจะสั่งการลงโทษสถานใด โดยหลังการสอบปากคำนายไพฑูรย์ครูพละที่ก่อเหตุแล้วเสร็จ นายไพฑูรย์ได้ลุกเดินออกจากห้อง พร้อมกับเดินหนีหลบผู้สื่อข่าวออกไปโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
ว่าที่ร้อยตรี นิพนธ์ ภักดีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนโชคชัยสามัคคี เปิดเผยว่า นายไพฑูรย์ครูพละที่ก่อเหตุ ยังคงมาทำงานที่โรงเรียนตามปกติ โดยนายไพฑูรย์ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายร่างกายลูกศิษย์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามหลังเกิดกระแสข่าวในเรื่องดังกล่าว นายไพฑูรย์ เกิดอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด และสภาพจิตใจยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับสื่อมวลชนในขณะนี้ ซึ่งคงต้องให้ระยะเวลาสักพัก ส่วนเรื่องการเรียนของเด็กนักเรียนที่ต้องรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บนั้น หลังจากเด็กกลับมาจากการรักษาตัวแล้ว ทางโรงเรียนจะจัดให้มีการเรียนเสริม และให้ครูทำการสอนเสริมให้โดยเฉพาะ ซึ่งก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ส่วนทางด้านคดีความ ขณะนี้ร้อยตำรวจเอกกานต์ สิงห์ช้างชัย พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรโชคชัย เจ้าของคดี ได้แจ้งให้นายไพฑูรย์ครูพละที่ก่อเหตุเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บแล้ว อย่างไรก็ตามหากผลการวินิจฉัยของแพทย์ระบุว่า เด็กนักเรียนคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางตำรวจก็จะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพิ่มเติมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด นายรณชัย สุขสมบูรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 ได้มีหนังสือคำสั่งย้ายด่วนนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก ครูพละศึกษาผู้ก่อเหตุ ให้ไปช่วยราชการที่โรงเรียนบุญวัฒนา อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2559 เป็นต้นไป จนกว่าผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้น