ยุง ร้ายกว่า ยาบ้า ?

ยุง ร้ายกว่า ยาบ้า ?

ยุง ร้ายกว่า ยาบ้า ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้มีข่าวใหญ่ที่น่าตกใจ และต้องติดตามให้ดีว่า เรื่องนี้จะมีผลจริงจังมากเพียงใด...เพราะหากไม่สนใจติดตาม คุณอาจมีความผิดทางกฎหมายขึ้นมาทันที...โดยไม่รู้ตัว

เรื่องใหญ่ที่ว่านี้ก็คือ แนวคิดของ รมว.สาธารณสุข ที่ท่านประกาศให้ฝ่ายกฎหมายไปศึกษาดูว่า จะสามารถเอาผิดกับคนที่ปล่อยให้พื้นที่บ้านเป็นแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย... ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการเอาผิดผู้ที่ปล่อยปะละเลยไม่ดูแลบ้าน หรือพื้นที่ของตนเองเป็นแหล่งกำเนิดยุง หรือแหล่งก่อโรคที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น

"กำลังให้กระทรวงฯ โดยฝ่ายกฎหมายไปดู ใครไม่ทำหากเจอในบ้านตัวเองจะผิดหรือไม่ มิฉะนั้นก็ปล่อยให้มียุง ถ้ายุงบ้านคุณมากัดผม แล้วผมเป็นซิกา หรือไข้เลือดออก คุณผิดไหม ดังนั้นทุกคนต้องรับผิดชอบในบริเวณของตัวเอง โรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคระบาดจะทุเลาได้จากความร่วมมือของคนทุกคนในการกำจัดแหล่งกำเนิดโรค หากมีความรับผิดชอบ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น"นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข

น่าสนใจยิ่ง ว่าในทางกฎหมายจะดำเนินการอย่างไร? ผมไม่รู้ว่า ท่านรัฐมนตรีท่านพูดจริง หรือ พูดขู่ให้คนตระหนักในเรื่องของการแพร่ระบาดของโรค ที่มียุงเป็นพาหะ..ซึ่งต้องร่วมมือกันในการดูแลขจัดแหล่งเพาะพันธ์ ซึ่งเรื่องนี้มีการรณรงค์มานาน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ยุง เป็นพาหะของโรคร้ายแรง...

แต่การที่รัฐมนตรี ออกมาประกาศว่าจะออกกฎหมายเอาผิดกับบ้านของใครที่เป็นแหล่งเพาะพันธ์ยุง มันจะยุ่งเป็นยุงตีกันก็ได้ ในข้อเท็จจริง ผมเชื่อว่าทุกคนทุกบ้านต่างรังเกียจยุงเป็นพื้นฐาน แม้ว่าจะไม่เป็นพาหะของโรคร้ายต่างๆก็ตาม ลำพังแค่ยุงมาตอม มากัด ตามร่างกายก็เป็นเรื่องที่สร้างความรำคาญ ไม่เป็นที่ต้องการของทุกคนอยู่แล้ว ผมเชื่อว่า ไม่มีใครต้องการให้ที่อยู่อาศัยของตนเองเป็นแหล่งเพาะพันธ์ยุงเป็นแน่แท้

ที่นี้ที่บอกว่ามันจะยุ่ง...ก็คือ สมมุติ ลูกน้องฝ่ายกฎหมายของท่านเกิดสนองความต้องการของท่านไปผลักดันออกกฎหมายมาได้...แล้วมันจะพิสูจน์อย่างไรว่า ยุง บ้านผมเป็นตัวที่ทำให้ท่านติดต่อโรคร้าย? หรือแค่เห็นว่ามีพื้นที่น้ำขัง ท่านก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที

ปัญหาของการแพร่ระบาดของโรค เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล และสังคมต้องใส่ใจ ร่วมมือร่วมแรงกันป้องกัน การให้ความรู้ ร่วมกันรณรงค์เป็นแนวทางที่ชัดเจน และที่ผ่านมา ถือว่าผู้คนเข้าใจและป้องกันได้ระดับหนึ่ง แต่ การขจัด ยุง ให้หมดไปไม่ให้เป็นพาหะของโรคใดๆได้เลยนั้น ผมว่า เป็นเรื่องที่ออกจะเกินความเป็นจริงไปหน่อย...ท่านรัฐมนตรีคงรู้ดีกว่าผมเป็นแน่ๆว่า ยุง มีชีวิตที่สืบทอดยาวนานมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาครองโลก

อย่างไรก็ตามหากท่านยืนยันจะเดินหน้าแนวคิด ของท่าน ก็ฝากให้ท่านช่วยคิดวิธีการระบุตัวตนของยุงให้ได้ด้วยว่า ตัวที่ไปแพร่เชื้อ เป็นยุงที่มาจากบ้านผม?

ปัญหาเรื่อง ยุง เรื่องของพาหะนำโรคเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่ส่วนตัวแล้วเห็นว่า วิธีการคือการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้คนเป็นแนวทางที่ดีที่สุด อย่าเที่ยวเอาแต่กฎระเบียบกฎหมาย กฎบังคับไปไล่จับในทุกๆเรื่อง โดยไม่ดูเหตุพื้นฐาน ดูความเป็นจริง ดูความเป็นไปได้เลย

กับปัญหาสังคมที่ร้ายแรง ในเรื่องยาเสพติด..ยาบ้า...ส่วนตัวผมว่าเราต้องเด็ดขาดในการขจัด ต้องบังคับใช้กฎหมายจัดการอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่คิดจะทำให้ยาบ้าราคาถูก เพื่อแก้ปัญหา ผมไม่เชื่อวิธีคิดที่ว่า กลไกลราคา จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ เพราะยาบ้ามันพัฒนาตัวมันเองไปไกลกว่า ยากระตุ้นประสาทอย่างที่เข้าใจมากนัก ไม่เช่นนั้น ราคามันไม่แพงขึ้นไปได้ขนาดนั้น ท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่า...ยาเสพติดร้ายแรงที่รู้จักกันว่า เฮโรอีน หายไปไหน?

ท่านเห็นข่าว การจัดสัมมนาของเหล่าพ่อค้ายาแล้วท่านคิดอย่างไร? ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาร้ายแรงที่ต้องแก้ไข แน่นอน ผู้เสพถือเป็นผู้ป่วย ต้องแก้ไขเยียวยา หาทางแก้ในทุกมิติ แต่ผู้ผลิตผู้ค้า ท่านจะทำอย่างไร? ท่านปลด ยาบ้า ออกจากยาเสพติด ผลิตยาบ้า หรือ ยาม้า หรือ ยากระตุ้นปราสาท ตามที่ท่านคิด ...คิดว่าจะแก้ไขปัญหาได้จริงหรือ....?

ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า เรื่องเหล่านี้จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร แต่ถึงวันนี้อดสงสัยไม่ได้ว่า เรามาถึงยุค "ยุง" ร้ายกว่า "ยาบ้า" ได้อย่างไร...?

โดย เปลวไฟน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook