ฆ่าหั่นศพหนุ่มใหญ่ยัดถัง-ถุงปุ๋ย ตำรวจมุ่งปมมรดกเลือด

ฆ่าหั่นศพหนุ่มใหญ่ยัดถัง-ถุงปุ๋ย ตำรวจมุ่งปมมรดกเลือด

ฆ่าหั่นศพหนุ่มใหญ่ยัดถัง-ถุงปุ๋ย ตำรวจมุ่งปมมรดกเลือด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (15 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. สภ.ห้วยหลวง อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุฆ่าหั่นศพ ที่กระท่อมนา ท้ายหมู่บ้านโนนสวรรค์ ถนนโนนสวรรค์ -โคกสะอาด ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่เกิดเหตุ พบเป็นกระท่อมนาห่างจากหมู่บ้าน 1 กิโลเมตร ทำด้วยไม้ยกพื้นสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร

โดยมีชาวบ้านประมาณ 100 คน มุงดูเหตุการณ์และวิพากษ์วิจารณ์ถึงความโหดเหี้ยมของคนร้าย ภายในครัวพบศพ นายปัญญา อายุ 50 ปี ถูกฆ่าหั่นศพแยกชิ้นส่วน ท่อนแขนที่ตัดจากหัวไหล่ และขาถูกตัดบริเวณหัวเข่า ใส่อยู่ในถังพลาสติกสีน้ำเงิน วางอยู่ที่เสาใต้ถุนกระท่อม ส่วนศีรษะและลำตัวสวมกางเกงขาสั้นอยู่ในถุงปุ๋ยข้างกัน

ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกระป๋องพลาสติกบรรจุเลือด วางอยู่ข้างท่อนไม้ในครัว ส่วนมีดพร้าวางอยู่ข้างถุงปุ๋ย มีมีดทำครัวยาว 20 ซม.วางอยู่ที่แคร่ ห่างไปเล็กน้อยพบกระป๋องน้ำสีดำบรรจุน้ำมีคาบติดอยู่ บนกระท่อม พบที่นอนยังกางมุ้ง ในหวดนึ่งข้าวพบข้าวเหนียวยังอุ่นอยู่บนเตาไฟ เจ้าหน้าที่ได้นำชิ้นส่วนร่างกายที่ถูกหั่นมาวางต่อกัน พบผู้ตายถูกฆ่าหั่นศพอย่างโหดเหี้ยม

นอกจากนี้ ยังพบรถจักรยาน ยี่ห้อเอลเอ สีแดง จอดอยู่หน้ากระท่อม คาดว่าเป็นรถของคนร้าย ส่วนรถจยย.ฮอนด้า คลิ๊ก สีแดงขาว หมายเลขทะเบียน 1กข 7659 อุดรธานี ของผู้ตายหายไป

จากการสอบสวน นายธีระยุทธ อายุ 40 ปี เพื่อนผู้ตาย และพบศพคนแรก ให้การว่า ทุกวันจะเข้ามาพูดคุยกับผู้ตาย พร้อมกับนำกระดูกไก่มาให้สุนัขผู้ตายที่พึ่งคลอดลูก ซึ่งตนได้ขอลูกสุนัขเพื่อนำไปเลี้ยง 2 ตัว ส่วนช่วงเย็นตนจะนั่งดื่มสุรากับผู้ตายในช่วงเย็นทุกวัน แต่ช่วงนี้ผู้ตายไม่ดื่มสุรา เพราะเป็นช่วงเข้าพรรษา จึงไม่ได้มาหาผู้ตายในช่วงเย็น

เช้าวันนี้ตนได้มาหาผู้ตายตามปกติ และเห็นผ้าห่มจัดวางคล้ายคนนอนอยู่ในมุ้ง จึงร้องปลุกให้ผู้ตายตื่น แต่ไม่มีเสียงตอบ ตนจึงเดินเข้าไปในครัว ก็พบชิ้นส่วนแขนขาวางอยู่ในถังพลาสติก ตนถึงกับช็อคและขี่รถจยย.ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และแจ้งตำรวจ

ส่วน นายทองปาน อายุ 45 ปี น้องชายผู้ตาย ให้การว่า ผู้ตายมีครอบครัวแล้ว แต่ภรรยาไปทำงานเกาหลี 7 ปี ส่วนลูกชาย 2 คนไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน 2 ปี เพื่อหาเงินใช้หนี้ ธกส. 6 แสนบาท ส่วนผู้ตายได้มานอนเฝ้าไร่อ้อย ที่พ่อตาแบ่งที่ดินให้ภรรยาผู้ตาย ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็ก 50 ไร่ เพราะภรรยาและลูกผู้ตายส่งเงินเลี้ยงดูพ่อตา จึงได้รับมรดกมากกว่าลูกเขยคนอื่นอีก 4 คน

แต่ช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ตายได้ทะเลาะมีปากเสียงกับพ่อตา เพราะพ่อตาไม่พอใจที่ผู้ตายชอบพาเพื่อนมานั่งดื่มเหล้าที่บ้าน และไม่ทำงานหรือประกอบอาชีพอย่างจริงจัง รอใช้เงินที่ภรรยาและลูกส่งมาให้ใช้เดือนละ 8,000 บาท

ผู้ตายจึงแยกตัวออกมาอยู่ที่กระท่อมที่เกิดเหตุ ห่างจากบ้านพ่อตาประมาณ 5 กม. และจะนำเงินที่ภรรยาฝากไปให้พ่อตาประจำ และผู้ตายเคยบ่นให้ฟังเรื่องญาติภรรยาไม่พอใจที่ครอบครัวตนได้มรดกเยอะกว่าญาติพี่น้อง

ขณะที่ นายสุวัฒน์ เหล่าเจริญ ผู้ใหญ่บ้านโนนสวรรค์ ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี ให้การว่า ตั้งแต่ผู้ตายมาอยู่ที่กระท่อมไร่อ้อย ไม่เคยมีปัญหาหรือทะเลาะวิวาทกับคนในหมู่บ้าน เพราะผู้ตายเป็นคนนิสัยดี ใจเย็น ไม่ทำตัวเป็นนักเลง

และเมื่อเดือนมิ.ย. ตนพบผู้ตายนอนซมอยู่บนกระท่อมคนเดียว จึงได้สอบถามผู้ตายเล่าให้พังว่า ขณะที่นำเงินที่ภรรยาฝากไปให้พ่อตาที่บ้าน ได้ถูกญาติภรรยาทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้ตายไม่ได้บอกว่าใครทำร้าย และไม่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดี จึงไม่ทราบว่าใครทำร้าย

ด้าน พ.ต.อ.ชวิศ ศรีจันทร์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิด หรือญาติเข้ามาฆ่าผู้ตายในเวลาเช้ามืด ขณะที่ผู้ตายตื่นขึ้นมาหุงหาอาหาร โดยใช้มีดพร้าฟันศีรษะด้านหลังจนล้มลง แล้วฟันซ้ำหลายครั้ง จนกะโหลกเปิดสมองไหลออกมา แล้วหั่นศพผู้ตายเพื่อนำไปทิ้งอำพราง แต่คาดว่าจะมีชาวบ้านผ่านไปทำไร่ทำนา ทำให้คนร้ายทิ้งศพแล้วขี่รถจยย.ของผู้ตายหลบหนีไป

เบื้องต้น จากการสืบสวน ตำรวจตั้งประเด็นการสังหารไว้ที่ขัดแย้งเรื่องมรดกของภรรยา เพราะภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้อง ได้รับมรดกเป็นที่ดิน 50 ไร่ ซึ่งมากกว่าพี่สาวอีก 3 คน

แต่ไม่ตัดเรื่องทะเลาะวิวาท ธุรกิจมืด แต่มีน้ำหนักน้อยมาก จึงมุ่งไปทีปมมรดกมากกว่า ซึ่งจะต้องผลตรวจดีเอ็นเอจากศพ และกล้องวงจรปิดที่คนร้ายขี่รถจยย.หลบหนี เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook