แชร์สนั่น! แท็กซี่แบรนด์ดัง ยึกยักไปส่ง-ทำร้ายผู้โดยสาร
ผู้โดยสารโพสต์เตือนภัย ใช้บริการแท็กซี่แบรนด์ดัง ที่ต้องกดแอปฯ เรียก จากสนามบินไปส่งพุทณมณฑล ถูกยึกยักไม่ไปส่ง สุดท้ายโดนทำร้ายกลางทาง
(16 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์กำลังให้ความสนใจโพสต์เรื่องราวร้องทุกข์จากผู้โดยสารแท็กซี่ชื่อดังแบรนด์หนึ่ง เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเดินทางจากสนามบิน เพื่อกลับบ้าน ล่าสุดได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว
เฟซบุ๊กคุณ Ballshi Shisha ได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เขาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ และต้องการเดินทางกลับบ้านที่ย่านพุทธมณฑลสาย 4 โดยกดแอปพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่แบรนด์ดัง ที่เขาใช้บริการเป็นประจำ
"ผมยกกระเป๋าขึ้นมานั่งด้านหลัง ขับออกไปได้สักพัก คนขับเห็นรถติดตรงทางลงมอเตอร์เวย์และฝนตกด้วย คนขับดูท่าทางหงุดหงิดและบ่นตลอดทางว่าไม่คุ้มกับระยะทาง ผมก็ถามว่าในแอปฯ คำนวณค่าบริการเท่าไหร่ เดี๋ยวจะช่วยเพิ่มให้ ทางคนขับก็แจ้งว่าไปได้และไม่เป็นไร
กระทั่งมาตรงย่านพระราม 9 สภาพจราจรติดขัดมาก เพราะฝนตกด้วย คนขับมีประชุมต่อที่ย่านอโศก จึงต้องการให้ผมลงกลางทาง ผมก็งงว่าคือยังไง จะให้ผมเสีย 2 รอบทำไม และผมก็เพลียมาก ไม่ค่อยสบายด้วย ถ้าจะไม่ไปส่งก็ควรจะบอกตั้งแต่แรก ทำไมยังฝืนออกจากสนามบิน
คนขับยังบอกว่าเดี๋ยวจะวนกลับไปส่งที่สนามบินก็ได้ เพราะไม่สามารถกดยกเลิกลูกค้า เนื่องจากถูกรายงานและโดนปรับ 500 บาท ผมก็งงว่า คนขับจะกลับไปส่งที่สนามบิน แต่ไม่ยอมคืนเงิน ที่ตัดบัตรเครดิตไปเรียบร้อยแล้ว อ้างว่าไม่อยากเสียประวัติ และทำให้โดนปรับ
นั่งมาในรถสักพัก คนขับก็บอกว่า พุทธมณฑลสาย 4 ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่จะไปส่ง แต่ถ้าพุทธมณฑลสาย 3 ยังพอได้ ผมก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นขอลงสาย 2 หรือ สาย 3 ได้ ตอนนี้ฝนตกขอไปส่งผมที่สว่างๆ ผมไม่ค่อยสบาย คนขับหันมาบอกว่า "คุณอย่ามาหัวหมอ"
ผมงงมากว่าหัวหมอตรงไหน คนขับไม่สมควรพูดแบบนี้กับลูกค้า ผมเริ่มคิดว่าคนขับแปลกๆ แล้ว เลยเอามือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอไว้ ตั้งใจว่าจะเอาไปร้องเรียนกับบริษัทแท็กซี่ เกี่ยวกับเรื่องมารยาท แต่พออัดคลิปคนขับก็ไม่พูดอะไรเลย นิ่งเงียบ พูดเสียงเบาเหมือนไม่อยากให้บันทึกติด
สักพักคนขับก็เลี้ยวจอดรถในปั๊มและหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา ผมก็ถ่ายวิดีโอต่อไป เพื่อดูว่าเขาจะยกเลิกลูกค้าหรืออย่างไร แต่เขาก็ไม่ทำ และพูดว่า "ก็ได้ จะไปใช่ไหม เดี๋ยวจะไปส่งให้ถึงบ้านเลย" ก่อนจะขับกระชากออกไป ขับออกไปได้ 700 เมตร ก็ชิดซ้ายจอด ลงมาเปิดประตูฝั่งคนนั่ง แล้วพูดว่า "มึงออกไปเลย" แล้วไล่ผมลง
ผมบอกว่า ทำไมไม่ยกเลิกแล้วคืนเงินเข้าบัตรให้ผมก่อน เขาเดินไปท้ายรถ หยิบกระเป๋าผมเขวี้ยงออกมา ผมตกใจมาก แล้วเขาจะเข้ามาทำร้ายผม กระชากคอเสื้อ พร้อมสร้อยทองหลุดไป พอดีตรงนี้มีคนอยู่ ผมเลยตะโกนให้คนช่วย
เขาจึงรีบขับรถออกไปเลย ผมได้แต่ยืนอึ้ง ของฝากที่ซื้อมาของผมยังอยู่ในรถคันนั้นเลย สุดท้ายผมต้องขึ้นแท็กซี่อีกคันเพื่อกลับบ้านไปเอง แฟนและลูกตกใจมากที่โดนแบบนี้ แฟนเห็นแผลแล้วบอกว่ายอมความไม่ได้ จึงออกมาแจ้งความที่ สน.หัวหมวก ทั้งที่ยังรู้สึกป่วยๆ อยู่"
เจ้าของโพสต์ยังบอกอีกว่า หลังเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อกับทางบริษัทแท็กซี่แบรนด์นี้ได้แบบฉุกเฉินได้เลย เบอร์ติดต่อก็ไม่มี ต้องออกเมล์แจ้งไป พร้อมกับขอภาพจากกล้องวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุเป็นหลักฐาน
เมื่อติดต่อกับทางบริษัทแท็กซี่ เพื่อขอเลขทะเบียนรถคันที่ให้บริการ ทางบริษัทได้ขอโทษและแจ้งว่าไม่สามารถให้ได้ เพราะกลัวว่าคนขับแท็กซี่คันดังกล่าวจะถูกทำร้าย ทั้งที่กรณีนี้ผู้เสียหายเป็นผู้ทำร้าย ก่อนจะบ่ายเบี่ยงให้ติดต่อไปยังสำนักงานใหญ่ของแท็กซี่แบรนด์นี้ที่สหรัฐอเมริกา
หนุ่มเจ้าของโพสต์กล่าวสรุปว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐาน อีกทั้งยังสงสัยว่า ระบบการจัดการบริการไม่มีการตรวจสอบก่อนหรือ เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกว่า บริการนี้แทบไม่มีความปลอดภัย หรือต้องรอให้เกิดเหตุร้ายและให้มีผู้เสียชีวิตก่อน ถึงจะมีมาตรการออกมา