แม่หลอกให้ลูกไปซักผ้า แอบผูกคอตัวเองดับ โยงปมปัญหาชีวิต
สุดสลด..แม่วานใช้ลูก 2 คนออกไปซักผ้าหลังบ้าน ก่อนตัวเองแขวนคอตายที่ต้นฝรั่งเสียชีวิต ลูกมารู้ทีหลังรีบวิ่งไปตัดเชือก แต่ก็ยื้อชีวิตแม่ไว้ไม่ได้ คาดปมปัญหาชีวิต-น้อยใจครอบครัว
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (18 ก.ย.) ร.ต.อ.พินิจ สมลี รอง สว.สืบสวนสอบสวน สภ.น้ำปลีก จ.อำนาจเจริญ ได้ รับแจ้งเหตุคนผูกคอตายที่บ้านหลังหนึ่ง ในเขตหมู่บ้านนาอุดม ต.นายม อ.เมืองอำนาจเจริญ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จุดเกิดเหตุพบกับกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากกำลังมุงดูเหตุการณ์ อยู่บริเวณริมสระน้ำหลังบ้าน ห่างจากตัวบ้านประมาณ 10 เมตร จากการสอบถามจากชาวบ้าน ทราบว่าผู้เสียชีวิต คือ นางนงพงา อายุ 37 ปี ใกล้กันพบ นายประวิทย์ ซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิตยืนรอให้ปากคำอยู่
นายประวิทย์ เปิดเผยว่า ตนอยู่กินกับนางนงพงา มาได้ประมาณ 12 ปี ภรรยามีบ้านเกิดอยู่กรุงเทพฯ พ่อแม่แยกทางกัน ลุงกับป้าจึงได้เลี้ยงดูภรรยาเรื่อยมา ซึ่งตนและภรรยามีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกชายคนโต อายุ 11 ปี ส่วนลูกสาวคนเล็ก อายุ 5 ปี
ภรรยาของตนมีอาการทางประสาทแต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง ต้องรับยาจากโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ มาทานเป็นประจำ พักหลังๆ ภรรยามักบ่นให้ฟังว่าญาติที่อยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยสนใจคุยด้วย โดยในวันนี้เป็นวันเกิดของน้องสาว คาดว่าภรรยาน่าจะโทรหาญาติที่กรุงเทพฯ แล้วคงเกิดน้อยใจขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นต้องฆ่าตัวตาย เพราะภรรยาเป็นคนร่าเริง อัธยาศัยดี
ในขณะเกิดเหตุ ตนไม่อยู่ที่บ้านเพราะออกไปรับจ้างทำรั้วให้กับเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน มีเพียงภรรยากับลูกชายและลูกสาวอยู่ที่บ้าน กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. มีเพื่อนบ้านไปตามบอกว่า ภรรยาของตนเองเสียชีวิต ตนจึงได้รีบกลับมาที่บ้าน
ร.ต.อ.พินิจ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเชือกในล่อน 1 เส้น ผูกติดกับต้นฝรั่งสูงจากพื้น ราว 2.5 เมตร ใกล้ตัวพบรองเท้าแตะ 1 คู่ ผู้ตายสวมเสื่อยืด กางเกงขาสั้น ขณะที่ลูกชายคนโต เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ชั่วโมง แม่ได้คุยโทรศัพท์กับญาติที่กรุงเทพฯ แต่ก็ไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไร
พอแม่คุยโทรศัพท์เสร็จ แม่ก็มาบอกให้ตนและน้องสาวไปช่วยกันซักผ้า ตนก็เดินมาซักผ้าที่หลังบ้าน แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะเห็นแม่ก็ปกติดี หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มีลุงข้างบ้านก็มาบอกว่าแม่ของตนผูกคอตายที่ใต้ต้นฝรั่งหลังบ้าน จึงได้รีบวิ่งไปตัดเชือกแล้วเอาตัวลงมา แต่ก็สายเกินไปแล้ว
ทั้งนี้ นายแพทย์ปริญญา นพเก้า แพทย์เวรชันสูตร พบว่า ตามร่างกายไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด มีเพียงรอยเชือกที่บริเวณลำคอ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุมาจากการขาดอากาศหายใจ น่าจะเสียชีวิตได้ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งทางญาติเองก็ไม่ได้ติดใจสาเหตุของการตายแต่อย่างใด จึงได้พิมพ์ลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน ก่อนมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป