จ่อสอบครูปล่อย ป.5 ไปจนถูกข่มขืน ส่งเด็กตรวจ-หวั่นติดโรค
ปวีณาฯ แถลงคืบหน้า กรณีคนข้างบ้านรับเด็ก ป.5 จากโรงเรียนพาไปข่มขืน จ่อตั้งกรรมการสอบสวนครูเวร นำตัวเด็กตรวจรักษา หวั่นติดโรค
จากกรณี นายภูมิ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี และ นางอ้อม (นามสมมติ) อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา อาชีพรับจ้างทั่วไป พา ด.ญ.เปิ้ล (นามสมมติ ) อายุ 11 ปี ลูกสาว นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความเป็นธรรม
เนื่องจากเกิดกรณีครูเวรประจำโรงเรียนดังกล่าว ปล่อยให้ลูกสาวออกไปนอกโรงเรียนกับชายแปลกหน้า ที่ไม่ใช่ผู้ปกครอง แค่อ้างว่าพ่อแม่เด็กให้ช่วยมารับลูกกลับบ้าน โดยไม่มีการโทรมาสอบถามผู้ปกครองก่อน ทั้งที่เพิ่งเป็นเวลาเข้าเรียนหลังเคารพธงชาติ กระทั่งเด็กถูกหลอกไปบังคับข่มขืนกระทำชำเรา
และหลังเกิดเหตุได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดขณะคนร้ายไปรับน้องเปิ้ล แต่เมื่อจะขอเป็นหลักฐานกลับไม่ได้รับความร่วมมือ ทั้งหลังเกิดเหตุไม่เคยมาห่วงใยสอบถามอาการเด็กเลย ซึ่งเห็นว่าครูได้ปล่อยปละละเลยในการทำหน้าที่จนทำให้เกิดเหตุ จึงขอให้ทางมูลนิธิปวีณาฯ ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย และหลังรับเรื่องนางปวีณา หงสกุลประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้เร่งประสานทางกระทรวงศึกษาช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว วันนี้ (22 ก.ย.) ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี คลอง 7 รังสิต-นครนายก ปทุมธานี นายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน (ฉก.ชน.) สพฐ. พร้อมทีมงานชุดเฉพาะกิจ
รวมทั้ง นายเสริมปัญญา เทียมวัน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 2 ได้เดินทางเข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ และสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่และน้องเปิ้ล นักเรียนชั้นป.5 ผู้เสียหาย เพื่อเป็นข้อมูลในการช่วยเหลือและตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางโรงเรียนดังกล่าว
ต่อมา นางปวีณา ได้จัดแถลงข่าว เปิดเผยว่า จากการที่ได้ร่วมกันพูดคุยกับครอบครัวน้องเปิ้ล ผู้เสียหาย สรุปว่า ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 2 จะตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีครูปล่อยเด็กออกไป และจัดสอบนอกรอบให้กับน้องเปิ้ลและหาที่เรียนใหม่ให้เพื่อเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมและฟื้นฟูสภาพจิตใจ
ข้อเสนอดังกล่าวทำให้พ่อแม่ของเด็กหญิงเห็นพ้องและพึงพอใจ เนื่องจากขณะนี้น้องเปิ้ลบ่นว่ามีอาการเจ็บท้องและปวดภายใน หลังเกิดเรื่องมีเพียงไปตรวจร่างกายเพื่อหาร่องรอยข่มขืนเท่านั้น ทางมูลนิธิปวีณาฯ จึงเป็นห่วงมาก ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รีบพาไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจดูอาการและฉีดยาป้องกันเชื้อเอสไอวีโดยด่วน
พร้อมกันนี้จะพาไปติดต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมเพื่อขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายทางคดีต่อไป "ขอฝากถึงครูและผู้ปกครองทุกคน การสื่อสารระหว่างครูและผู้ปกครองเป็นหัวใจสำคัญ หลังเกิดเหตุควรจะช่วยกันรีบแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีก ไม่ต้องกลัวว่าโรงเรียนจะเสียชื่อ สวัสดิภาพเด็กต้องมาก่อน" นางปวีณา กล่าว
ทางด้าน นายเสริมปัญญา เทียมวัน ผอ.สพป.ปทุมธานี เขต 2 กล่าวว่า ตนเพิ่งได้รับรายงานเรื่องน้องเปิ้ลเมื่อวานนี้ พร้อมรีบสั่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบว่า หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนไม่ได้ตั้งใจปิดบังข้อมูลกับภาพวงจรปิดต่อผู้ปกครอง
แต่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการเพราะกลัวจะเสียรูปคดี และตนจะให้ครูรีบเข้าพบพูดคุยกับผู้ปกครองพร้อมกับขอโทษที่หลังเกิดเหตุยังไม่ได้ไปเยี่ยมน้องเปิ้ล ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งจะดูว่าเป็นความละเลยของครูหรือไม่หากเป็นจริงอาจจะว่ากล่าวตักเตือนไปตามระเบียบ คาดว่าจะรู้ผลในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
ขณะที่ นายธีร์ ภวังคนันท์ ผอ.ศูนย์ฉก.ชน. สพฐ. กล่าวว่า การมารับเด็กจากโรงเรียน บางแห่งอาจจะมีการทำบัตรให้ผู้ทีมารับเด็กถือเพื่อแสดงตน ส่วนบางโรงเรียนอาจจะเห็นว่ามีการคุ้นเคยและสนิทสนมกัน จึงไม่ได้ใช้สิ่งนี้ หลังจากนี้จะมีการปรับระบบให้มีการแตะมือในการส่งต่อระหว่างครูกับผู้ปกครองให้ดีขึ้น หลังครูรับเด็กเข้าโรงเรียนแล้วจะไม่ไห้เด็กออกไปนอกโรงเรียนเด็ดขาด พร้อมกับจัดทำทะเบียนข้อมูลกลางให้กับครูเวรเมื่อมีอะไรจะได้ติดต่อกับผู้ปกครองได้โดยตรงอย่างรวดเร็วต่อไป