เตือนภัยโจรโรคจิตดักข่มขืนใต้สะพาน สาวหวิดเป็นเหยื่อ 2 ราย
(27 ก.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกสังคมออนไลน์ในจังหวัดราชบุรีกับได้ให้ความสนใจหลังมีสาวรายหนึ่งโพสต์ข้อความเตือนภัย หลังรอดเงื้อมมือโจรตะเวนขี่รถจักรยานยนต์ดักจี้หมายข่มขืน เหตุเกิดใต้อุโมงค์สะพานข้ามถนนเพชรเกษมกลางเมืองราชบุรี โดยหญิงสาวคนดังกล่าวระบุข้อความว่า
"เมื่อคืนเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ เราถูกจี้มันเอากุญแจรถเราและกระเป๋าตังค์เราไปในนั้นมีโทรศัพท์ 2 เครื่องแล้วถอดเสื้อผ้าเราหมดเลยพยายามจะขมขืนแต่เราหนีออกมาได้ทันระวังกันด้วยนะตรงสะพานโคกหม้ออ่ะ"
ซึ่งภายหลังจากที่โพสต์ถูกแพร่ออกไปได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น และ ช่วยกันแจ้งเตือนให้กับผู้หญิงที่ต้องทำงานเลิกตอนกลางคืนหรือหญิงสาวที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ในเส้นทางต่างๆ ให้ระมัดระวังตัว นอกจากนี้ยังมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวออกไปจำนวนมาก มีผู้มาแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลว่า เมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาตนเองได้รอดการถูกข่มขืนจากเหตุการณ์ดังกล่าวและเกิดเหตุในสถานที่เดียวกัน
ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อไปยังผู้เสียหายทั้งสองราย พร้อมทั้งได้รับการเปิดเผยจากทั้งสองคนโดยยืนยันว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในลักษณะการก่อเหตุ รวมถึงรูปพรรณสันฐานของคนร้ายตรงกัน โดยรายแรกได้รับการเปิดเผยจากนายสุทัศน์ อายุ 23 ปี ชาวบ้านในตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ตนเองได้ขับขี่รถจักรยานยนต์โดนมีแฟนสาว ชื่อส้ม (นามสมมุติ) ออกมาจากบ้านประมาณ 05.00 น. เพื่อเดินทางไปทำงานใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร ซึ่งก็เดินทางมากันตามปกติทุกวัน
ในวันนั้น แฟนสาว หรือ ส้ม ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อที่จะกลับบ้านพักหลังจากที่ส่งตนเสร็จ ก็มุ่งหน้ากลับเส้นทางเดิมโดยจะต้องขับขี่ผ่านรอดใต้อุโมงค์สะพาน "สะพานโคกหม้อ ถนนเพชรเกษม" เพื่อข้ามกลับไปยังถนนอีกฝั่ง ในขณะที่ขับขี่มาที่บริเวณใต้อุโมงค์สะพานจู่ๆมีชายรูปร่างสูงขาวขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ฮ้อฮอนด้าคลิกออโตเมติกสีดำ ขี่เข้ามาประกบและขวางเพื่อให้หยุด จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ใช้มือเอื้อมจับที่หน้าอก หอมแก้ม และพูดกับแฟนสาวของตนเองว่าขอมีเพศสัมพันธ์ 1 ครั้ง ทำให้แฟนสาวตกใจและร้องให้คนช่วย โจรโรคจิตก็รีบชักกุญแจรถของหญิงสาวพร้อมทั้งเอื้อมมือมาเพื่อจะชุดกระชากให้เข้าไปหลังกำแพงใต้สะพานเพื่อหมายที่จะข่มขืน ในจังหวะนั้นด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตกลับมาหาตนเองที่ทำงานซึ่งอยู่ใกล้กันเพียง 300 เมตร คนร้ายก็ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาแต่ไม่ทันจึงได้รอดมาได้อย่างหวุดหวิด ตนจึงพาแฟนสาวไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เรื่องก็ยังเงียบ
ส่วนอีกราย น้องทราย (นามสมมุติ) หญิงสาววัย 24 ปี ชาวบ้านตำบลพิกุลทอง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี และเป็นเจ้าของโพสต์แจ้งเตือนหญิงสาว เธอเล่าถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุให้ฟังว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ย. เวลาประมาณ 00.45 น. (เที่ยงคืนสี่สิบห้า) เธอทำงานอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานและต้องเดินทางกลับบ้านพักที่ตำบลพิกุลทองด้วยการขับขี่รถจักรยานยนต์ และต้องผ่านเส้นทางดังกล่าวเพื่อที่จะยูเทิร์น และต้องรอดใต้อุโมงค์สะพานดังกล่าว เป็นประจำทุกวัน แต่คืนดังกล่าวกลับเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันกับตนเอง ในขณะที่ตนกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์รอดใต้สะพานจู่ๆ มีชายรูปร่างสูงสวมหมวกแก๊บขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ฮ้อฮอนด้าคลิกออโตเมติกสีดำมาชนที่ช่วงท้ายตนจึงร้องด้วยความตกใจ และชายคนดังกล่าวก็ขับขี่รถมาประกบข้างด้านขวาพร้อมทั้งกระชากกระเป๋าและลูกกุญแจรถไป จากนั้นขับขี่รถไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตนเองอยู่ในอาการหวาดกลัวจึงรีบวิ่งหนีขึ้นออกมาจากใต้สะพาน ที่สวนทางกลับคนร้าย เมื่อเห็นคนร้ายวิ่งรถหนีไปตนจึงรีบวิ่งกลับมาดูรถเครื่องของตนด้วยความห่วงรถและตกใจ จู่ๆคนร้ายก็ขับรถกลับมาพร้อมทั้งจดรถขวางทางไว้และฉุดกระชากรากตนเองไปที่หลังกำแพงเสาใต้สะพาน ซึ่งเป็นกำแพงทึบไม่มีคนเห็น
จากนั้นคนร้ายใช้มือจับที่คอและกดลงกับพื้นพร้อมทั้งพูดกับตนว่า "ให้กูทีหนึ่งก่อนแล้วกูจะให้ของมึงคืนหมดทุกอย่าง" จากนั้นคนร้ายก็ถอดเสื้อผ้าของตนออกจนร่างกายเปลือยเปล่า และบอกว่า "รอกูอยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวกูเอารถไปเก็บก่อนเดี๋ยวกูมา" ซึ่งคนร้ายก็หอบเสื้อผ้าของตนไปด้วยทั้งหมดเพื่อเดินไปเก็บรถที่จอดขวางถนนใต้สะพานอยู่เพราะกลัวคนผ่านมาเห็น ในจังหวะที่คนร้ายเดินไปนั้นตนจึงตัดสินใจวิ่งหนีออกมาทั้งๆที่เปลือยเปล่า และร้องขอให้คนช่วย ซึ่งคนร้ายก็ได้รีบขับขี่รถตามมาตนก็ได้วิ่งข้ามไปที่เกาะกลางถนน พร้อมโบกรถขอความช่วยเหลือ และมีพลเมืองดีที่ขับรถยนต์วิ่งผ่านมาและจอดรถถามตนว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งตนเองก็บอกให้ขับรถตามคนร้ายไปเขาจะข่มขืนหนู พลเมืองดีก็ได้รีบขับรถตามไป แต่คนร้ายก็ฉวยโอกาสรีบบิดรถหายไปด้วยความเร็วในซอยเปลี่ยวขาเข้าเมืองราชบุรี ตนจึงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานในปั๊มน้ำมันและขอเสื้อผ้าสวมใส่ก่อนที่จะติดต่อแม่ให้มารับกลับบ้านและเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี เพื่อติดตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
จากเหตุการณ์ทั้งสองซึ่งเป็นภัยต่อหญิงสาวโดยที่คนร้ายก่อเหตุเพื่อหวังที่จะข่มขืนหญิงสาวทั้งสองราย แต่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ เพราะเหตุเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันห่างกันเพียงแค่ 1 สัปดาห์ และคนร้ายก็เลือกเส้นทางเดียวกันใช้ก่อเหตุคือบริเวณอุโมงค์ใต้สะพาน ข้ามถนนเพชรเกษม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า สะพานโคกหม้อ ซึ่งผู้เสียหายทั้งสองรายได้ฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรีบจับตัวคนร้ายรายได้มาดำเนินคดีเพื่อที่จะไม่ไปก่อเหตุซ้ำอีกครั้งโดยครั้งนี้ถือเป็นความโชคดีที่ทั้งสองรายยังไม่ถูกข่มขืน เพราะใต้สะพานมีความมืดมาก อีกทั้งยังไม่มีกล้องวงจรปิด หรือ กล้อง CCTV รวมไปถึงกระจกมองทางก็ถูกตีแตกชำรุดอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวจึงได้ประสานไปยังหน่วยงานในท้องที่ทราบว่าเบื้องต้นทางเทศบาลตำบลหลักเมือง โดย จ่าสิบเอกกมลพันธุ์ เจริญทรงเจ้าหน้าที่ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยชำนาญการ เทศบาลตำบลหลักเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ได้นำเจ้าหน้าที่มาดำเนินการติดตั้งหลอดไฟเพื่อเพิ่มไฟแสงสว่างพร้อมทั้งปรับเปลี่ยนกระจกมองทาง เพื่อเป็นการป้องกนแล้วในเบื้องต้น ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดหรือกล้อง CCTV ต้องนำเรื่องแจ้งไปยังผู้บริหารเพื่อเข้าประชุมงบประมาณเพื่อนำมาติดตั้งในคราวต่อไป ส่วนเรื่องของการจับกุมคนร้ายต้องฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เกิดการก่อคดีซ้ำรวมไปถึงในพื้นที่อื่นๆด้วย