เปิดใจพลเมืองดี นาทีช่วยสาวหวิดถูกข่มขืนใต้สะพาน

ความคืบหน้าจากกรณีที่มีหญิงสาววัย 24 ปี เธอตัดสินใจโพสต์แจ้งเตือนภัย หลังถูกคนร้ายขับขี่รถจยย.สะกดรอยตามจนมาถึงบริเวณทางอุโมงค์ใต้สะพานกลับรถถนนเพชรเกษม หมู่ที่ 3 ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี หรือ สะพานโคกหม้อ เพื่อหมายที่จะข่มขืน แต่ก็สามารถรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ในสภาพเปลือยกายวิ่งร้องขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 00.45 น. ของวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้มีหญิงสาวอีก 1 ราย หวิดถูกข่มขืนเช่นกัน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เตือนภัยโจรโรคจิตดักข่มขืนใต้สะพาน สาวหวิดเป็นเหยื่อ 2 ราย

ล่าสุด (28 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดี ได้รับการเปิดเผยจากพลเมืองดี 1 รายที่ให้การช่วยเหลือหญิงสาวที่รอดจากการถูกข่มขืน และวิ่งมาขอความช่วยเหลือในสภาพเปลือยกาย ทราบชื่อคือนาย บี (นามสมมุติ) เป็นพนักงานของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ

โดยนายบีเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเวลาตีหนึ่งเศษๆ มีหญิงสาววิ่งมาร้องขอความช่วยเหลือในสภาพเปลือยกาย โดยมาในสภาพตื่นตกใจและร้องไห้ไปด้วย ตอนแรกนึกว่าคนจิตไม่ปกติ จึงไม่กล้าที่จะช่วยเหลือ แต่หลังจากที่พูดคุยจึงทราบว่าหนีจากการถูกคนร้ายจะข่มขืนมา โดยเธอได้ขอเสื้อผ้าเพื่อสวมใส่ ตนจึงเดินไปหยิบมาจากห้องพักและให้ไปจากนั้นก็วิ่งข้ามถนนไปขอความช่วยเหลือจากรถเพื่อให้พาเธอไปส่งที่บ้านพัก

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าของคดีที่สภ.เมืองราชบุรี ซึ่งได้รับรายงานว่า ผู้เสียหายทั้งสองคนได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เข้าไปสอบปากคำ พร้อมทั้งสเก็ตหน้าคนร้ายและตรวจสอบร่องรอยภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

ด้าน พ.ต.อ.กิตติภพ ชมพูนุช ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี กล่าวว่า ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งทีมตั้งชุดสืบสวนสอบสวนทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ โดยมอบหมายให้กับรอง ผกก.ป.สภ.เมืองราชบุรี เป็นหัวชุดในการคลี่คลายคดี นำทีมลงพื้นที่ไล่ล่าติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ เพื่อไม่ให้เป็นภัยแก่สังคม

พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาราจร พร้อมทั้งประสานไปยังหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมกันจัดส่งชุดกำลังออกตรวจตลอด 24 ชม. และมีการตั้งด่านสกัด โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาในการบริการประชาชน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางดังกล่าว

พร้อมกันนี้จะประสานไปยังหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อประสานเรื่องของการดูแลเครื่องอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย อาทิ ไฟแสงสว่าง กระจกมองทาง ที่ชำรุดหรือไม่มีความสว่างเพียงพอ และจัดให้มีการตัดถางหญ้าที่ขึ้นรกให้โล่งเตียน โดยเฉพาะจุดอัพจุดมืดที่ดูแล้วเป็นอันตราย รวมไปถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วย