หนุ่มเจ้าของภาพก๋วยเตี๋ยวเรือ โพสต์แจงดราม่า หลังบิดเบือนไปกันใหญ่
ดราม่าก๋วยเตี๋ยวเรือ..สนั่นสังคม หนุ่มเจ้าของภาพออกโรงชี้แจง แค่ถ่ายรูปอาหารเท่านั้น พร้อมท้าเจ้าของร้านดูวงจรปิด ยันไม่ได้กลั่นแกล้งผู้ประกอบการ
(30 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดราม่าในสังคมล่าสุด หลังในโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพปริมาณอาหารของก๋วยเตี๋ยวเรือ "ป๋ายักษ์" ร้านดัง ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่พบว่ามีปริมาณที่น้อยเกินกว่าที่จะยอมรับได้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา
ทางด้าน "ป๋ายักษ์" เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือดังกล่าว ที่ปรากฏว่ามีสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางไปสอบถามข้อเท็จจจริงในกรณีนี้ ยืนยันว่าไม่เอาเปรียบผู้บริโภคตามที่กล่าวหา พร้อมกับโชว์เสิร์ฟก๋วยเตี๋ยว ชามละ 12 บาท ที่ขายอยู่ตามปกติให้ดู และเปรียบเทียบกับภาพที่แชร์ พบได้ว่ามีปริมาณที่แตกต่างกันมา อีกทั้งเจ้าของร้านยังท้าทายอยากพบผู้โพสต์ดังกล่าวด้วย
ล่าสุดผู้ใช้ทวิตเตอร์คุณ @Puthiput ที่แสดงตัวว่าเป็นผู้ที่โพสต์ภาพก๋วยเตี๋ยวเรือดังกล่าว ได้ออกมาชี้แจงทางโซเซียลอย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่เกิดกระแสต่างๆ ตามมาจากประเด็นนี้ โดยเจ้าตัวยืนยันว่า ภาพที่แชร์ออกไปเป็นปริมาณเมนู "เกาเหลา" พร้อมกับท้าทายเจ้าของร้านกลับว่า "กล้าเปิดกล้องวงจรปิด ตอนเวลาบ่ายโมง วันที่ 26 กันยายน 2559 พิสูจน์ดูหรือไม่?"
นอกจากนี้ หนุ่มคนดังกล่าวยังได้ชี้แจงด้วยว่า วันดังกล่าวได้สั่งก๋วยเตี๋ยวเป็นเกาเหลา 5 ชาม เส้นเล็ก 4 ชาม รวมเป็น 9 ชาม สำหรับทานกัน 2 คน มีเครื่องเคียงเป็นกากหมู 2 ชาม เกี๊ยวกรอบทอด 1 ชม ภาพที่เห็นเป็นเกาเหลา 2 ชาม ยังไม่ได้รับทานก่อน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูได้ ตนไปทานกับคุณแม่เวลา 13.30 - 14.30 น. วันที่ 26 กันยายน 2559 นั่งตรงโต๊ะตรงกลางร้านห้องที่ 1 สวมเสื้อสีน้ำเงิน
"ผมไม่ได้บอกว่าชามละ 15 บาท มีผู้แสดงความคิดเห็นและคำนวณราคา 216 บาท แล้วแจกแจงรายละเอียดไปเอง และไม่ได้ระบุชื่อร้านแต่อย่างใด เหตุที่ผมถ่ายรูปอาหาร เพราะปริมาณมันได้แค่นั้นจริงๆ เลยส่งให้เพื่อนดูทางไลน์ ก๋วยเตี๋ยวที่เพื่อนชอบทานบ่อยๆ มันได้ปริมาณเท่านี้หรือ จากนั้นจึงทวีตออกไป เจตนาเนื้อหาไม่ได้ร้องเรียนใดๆ ทั้งสิน"
"มีสำนักข่าวหนึ่ง ติดต่อหาผมเพื่อขอสัมภาษณ์ 3 ท่าน ผมแสดงความรับผิดชอบกับเนื้อหาที่โพสต์ลงไป เลยตอบตกลงและให้เบอร์โทรกลับ เนื้อหาที่พูดคุยนั้นเหมือนที่ชี้แจงข้างต้นมา นักข่าวถามผมว่า ทำไมไม่โวยวายหรือร้องเรียนตรงนั้น ผมก็ตอบว่า ผมเข้าใจว่าสิ่งนี้คือเรื่องปกติ การทานอาหารประเภทนี้ไม่มีใครสั่งชามเดียว
ผมย้ำว่าผมไม่ได้รับทานมานานมากแล้ว ผมไม่ทราบว่าสิ่งที่ผมได้คือปริมาณที่แท้จริงหรือเกิดความผิดพลาดกันแน่ แต่การนำเสนอของรายการข่าวนั้น กลายเป็นว่าผมไปกลั่นแกล้งผู้ประกอบการ นำเสนอข่าวบิดเบือนไปจากการสัมภาษณ์ของผม หนำซ้ำยังสัมภาษณ์ให้ผู้ประกอบการข่มขู่ผมกลับมา ให้คนติดตามข่าววิจารณ์ผมในแง่ลบ ผมควรน้อมรับกับสิ่งนี้ใช่ไหม"
ทั้งนี้ ชายหนุ่มคนดังกล่าวยังรู้สึกผิดหวังกับสื่อสำนักข่าวหนึ่งที่ค่อนข้างบิดเบือนเนื้อหาที่ให้สัมภาษณ์ไป ทำให้ตัดสินใจไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข่าวใดๆ อีก พร้อมกับยืนยันอีกครั้งว่า สิ่งที่โพสต์ลงไปไม่ใช่เป็นการเรียกร้องปัญหาค่าครองชีพ ก็เพียงแค่ถ่ายรูปอาหารและเห็นว่าปริมาณมันน้อยกว่าที่เคยทานมาในอดีตเท่านั้นเอง