ถนนเละเป็นโคลนกว่า 200 ปี เศร้าหนัก นำศพพ่อกลับบ้านไม่ได้
ชาวบ้านที่หล่มเก่าร้องผ่านสื่อ ถนนไร้การพัฒนามากว่า 200 ปีเท่ากับอายุหมู่บ้าน กลายเป็นดินโคลนแทบสัญจรไม่ได้ สะเทือนใจหนัก นำศพพ่อกลับมาทำพิธีที่บ้านไม่ได้
(7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านสักง่า หมู่ที่ 2 ต.ศิลา อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ระบุว่าถนนเชื่อมต่อเส้นทางเข้าหมู่บ้านเป็นลักษณะเป็นดินโคลนและพังทรุดโทรม ไม่มีการซ่อมแซ่มใดๆ ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ล่าสุดมีชาวบ้านเสียชีวิตและไม่สามารถนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีได้ เพราะถนนเป็นแบบนี้
นายศักดิ์สิทธิ์ ศิริ อายุ 47 ปี ลูกชายของคุณตาวัย 69 ปี ที่เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในช่องปาก เปิดเผยว่า ไดรับความเดือดร้อนจากสภาพถนนเป็นดินโคลนเช่นนี้อย่างมาก ทางครอบครัวต้องการนำร่างของพ่อที่เพิ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า กลับมาทำพิธีบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด แต่ถนนทางเข้าหมู่บ้าน ระยะเกือบ 10 กิโลเมตร กลายเป็นดินโคลน ไม่สามารถสัญจรได้ ทำให้ต้องตัดสินใจเปลี่ยนแผน
นายศักดิ์สิทธิ์ ยังเล่าต่ออีกว่า หมู่บ้านที่ตนเองอยู่ตั้งหลักปักฐานมาตั้งแต่สมัยปู่ย่ากว่า 200 ปีแล้ว มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 50 ครัวเรือน เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนหมู่บ้านแทบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เพราะรถจักรยานยนต์และรถยนต์ธรรมดา แทบจะไม่สามารถขับเข้าออกหมู่บ้านได้เลย ต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรเท่านั้น
หากว่าช่วงไหนที่พอจะออกมาได้ชาวบ้านก็จะรีบออกมาซื้อหาอาหารกักตุนไว้ในคราวที่ออกมาไม่ได้ เป็นเช่นนี้มานานมากแล้ว เมื่อเดือนที่แล้วก็มีคนในหมู่บ้านมาเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มสัก และไม่สามารถนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านได้ เช่นเดียวกับพ่อของตน
นอกจากนี้ ยังมีผู้หญิงในหมู่บ้านที่ตั้งครรภ์กว่า 6 เดือน แต่มีอาการป่วย ไม่สามารถออกมาพบแพทย์ได้ เนื่องจากเกรงว่าหากได้รับการกระทบกระเทือนจากการเดินทางอาจจะเป็นอันตรายแก่ลูกในท้องได้ เคยร้องขอไปยังหน่วยงานต่าง ๆ แต่ไม่ได้รับการดูแล บางหน่วยงานก็อ้างว่าถนนสายดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่สามารถทำถนนได้
นายศักดิ์สิทธิ์ ยังกล่าวแบบน้ำตาคลอเบ้าว่า ตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถนำศพพ่อกลับไปทำพิธีและเผาที่ในหมู่บ้านได้ อีกทั้งพ่อของตนเกิดที่นั่น แล้วก็หวังว่าเมื่อตายก็จะได้เผาในหมู่บ้านตามความเชื่อ และความผูกพันธ์ของคนที่รักถิ่นฐานบ้านเกิด ดังนั้นตนจึงขอวิงวอนผู้ที่มีอำนาจช่วยเหลือด้วย และหวังว่าศพของพ่อตนจะเป็นศพสุดท้ายที่ไม่สามารถนำกลับไปเผาที่ในหมู่บ้านได้