โยงคดี เริงชัย เทียบจำนำข้าว..แค่ปั่นกระแส 2 มาตรฐาน

โยงคดี เริงชัย เทียบจำนำข้าว..แค่ปั่นกระแส 2 มาตรฐาน

โยงคดี เริงชัย เทียบจำนำข้าว..แค่ปั่นกระแส 2 มาตรฐาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นความพยายามของทีมทนายความของอดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกมาตั้งประเด็นชี้นำสังคมและกดดันรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการให้ทบทวนคำสั่งการเรียกค่าความเสียหายกรณีรับจำนำข้าว โดยยกประเด็นอ้างคำพิพากษาของศาลฎีกา กรณี การปกป้องค่าเงินบาท มาเป็นบรรทัดฐานว่า การกระทำตามนโยบายไม่เป็นความผิด การดำเนินตามนโยบายไม่สามารถนำเรื่องกำไรขาดทุนมาคิดได้

เรื่อง 2 เรื่องนี้ต่างกันโดยสินเชิง แต่ ทนายความกลับอ้างยกมาเทียบเคียงอ้างเป็นเรื่องเดียวกัน หวังสร้างกระแสสร้างความชอบธรรมให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ เพื่อไม่ต้องรับผิด

ในการดำเนินการ ปกป้องค่าเงินบาท ของอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นการทำหน้าที่ในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบโดยตรงในการดูแลรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและพื้นฐานของประเทศ

ปัญหาที่เกิดขึ้นของ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คือ มีกองทุนต่างชาติ ที่คนไทยรู้จักกันในภายหลังและจำชื่อกันได้ดีว่า เป็นกองทุนของนาย จอร์จ โซรอส มาโจมตีค่าเงินบาทของไทย สถานการณ์ขณะนั้นเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจำเป็นต้องเข้ามาจัดการต่อสู้เพื่อป้องกันค่าเงินไม่ให้ถูกโจมตี แต่ด้วย กองทุนต่างชาติที่มีเงินจำนวนมหาศาลทำให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยพ่ายแพ้เกมการเงินในที่สุด
เหมือนมีคนเอาไปมาสุมเผาบ้านแล้ว ผู้ว่าการในฐานะเจ้าบ้านก็ต้องระดมเครื่องมือที่มีมาดับไฟ แต่เครื่องมือมีน้อยกว่า มีน้ำน้อยกว่า ย่อมแพ้ไฟในที่สุด แต่ถือว่า ผู้ว่าการได้ลงมือป้องกันไฟอย่างเต็มความสามารถแล้ว การที่ศาลท่านยกฟ้อง จึงเป็นเหตุผลที่ชอบยิ่ง

ส่วนกรณีโครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศว่าจะทำ ตั้งแต่ต้น จะรับซื้อข้าวเปลือกในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ด้วยหวังจะเป็นผู้ครอบครองข้าวรายใหญ่ และคิดว่าสามารถกำหนดราคาตลาดโลกได้ เมื่อราคาพุ่งไปจะสามารถทำกำไรจากโครงการนี้ได้ แต่วิธีคิดนี้ผิดพลาด

สิ่งที่สำคัญที่เป็นประเด็นของโครงการรับจำนำข้าว ที่ถูกเรียกค่าเสียหายนั้น เป็นเพราะ โครงการนี้ เมื่อเสนอแนวคิดมา ก็มีคนท้วงติงตั้งแต่ต้นเช่นกันว่า จะเป็นโครงการที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่งบประมาณมากมายมหาศาล จะเป็นการทำลายระบบค้าข้าว และจะทำให้เกิดการทุจริตในทุกขั้นตอน....ย้ำ มีการเตือนเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น ก่อน รัฐบาลจะเดินหน้าทำ

และเมื่อ ลงมือทำ ผลที่ออกมา ก็เป็นอย่างที่มีการเตือนว่า โครงการนี้ผิดพลาดแล้วนะ มีความเสียหายแล้วนะ ขอให้หยุดยกเลิกหรือ ปรับเปลี่ยนวิธีการเสียเถิดอย่าให้เสียหายไปมากกว่าที่เป็นอยู่เลย แต่..รัฐบาลกลับไม่ใยดี ไม่สนใจเดินหน้าทำโครงการต่อ จนกระทั้งเกิดความเสียหาย เกิดการทุจริตขึ้นมาจนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอยู่ในปัจจุบัน

สิ่งเหล่านี้มีความต่างกันอย่างชัดเจน ไม่อาจเปรียบเทียบใดๆกันได้เลย การอ้างว่าเป็นการทำตามนโยบายเหมือนกัน ไม่อาจนำเรื่องกำไร ขาดทุนมาคิดนั้น เป็นการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจผิด หวังสร้างกระแสกดดันต่อรัฐบาลพล.ประยุทธ์ ต้องการสร้างกระแสสองมาตรฐาน ขึ้นมาหวังให้ตัวเองพ้นผิดมากกว่า

ก็ติดตามกันต่อไปว่า การจุดประเด็น จุดกระแสของทีมทนาย จะสร้างกระแสได้ตามที่หวังหรือไม่..แต่หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว....บอกได้ว่า...ยากมาก ติดตามกันต่อไปครับ

โดย เปลวไฟน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook