น้ำเหนือไม่ท่วมกรุงฯ แต่อาจกระทบปทุมธานี-เกาะเกร็ด

ชลประทาน 11 ยัน น้ำเหนือไม่ท่วมกรุงฯ เหมือน ปี 54 แต่อาจกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำใน จ.ปทุมธานี - เกาะเกร็ดบางส่วน

นายเลอบุญ อุดมทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการน้ำสำนักงานชลประทานที่ 11 สังกัดกรมชลประทาน รับผิดชอบพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างครอบคลุมพื้นที่ จ.นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ และบางส่วนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา,สุพรรณบุรี, นครนายก และ ฉะเชิงเทรา ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่น้ำไหลผ่านก่อนถึงกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า หลังเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ได้เพิ่มอัตราการระบายมวลน้ำเหนือลงสู่ท้ายเขื่อน ในระดับ 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

เบื้องต้นยืนยันว่า พื้นที่ในส่วนรับผิดชอบของสำนักงานชลประทานที่ 11 ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากสถานีวัดน้ำบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สามารถรองรับน้ำได้ถึงอัตรา 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่มีจุดต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ จ.ปทุมธานี เน้นริมฝั่งเจ้าพระยา เนื่องจากบางแห่งมีลักษณะต่ำกว่าตลิ่ง และบริเวณริมฝั่งคลองระพีพัฒน์ เพราะเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ได้ปล่อยน้ำลงมาในปริมาณมากพอสมควรคืออัตราวันละ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จนอาจเอ่อล้นท่วมจุดลุ่มต่ำได้สำหรับเกาะเกร็ดนั้นก็อาจได้รับผลกระทบบ้างเช่นกัน แต่ไม่ใช่ผลจากการระบายน้ำในเขื่อนป่าสักฯ

โดยสาเหตุมาจากระดับเจ้าพระยาเป็นหลักซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและเกิดเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วหากมีฝนตกหนักร่วมด้วย ส่วนภาพรวมการประเมิน ปัจจุบันพบว่าระดับน้ำยังอยู่ห่างจากอุทกภัยปี 2554 อยู่มาก จึงไม่อยากให้ประชาชนวิตกกังวลเกินเหตุ ทั้งนี้ ก็ไม่ควรประมาทเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อจัดเตรียมแผนป้องกัน รวมถึงแก้ไขปัญหาต่อไป