บุ๋ม ทุ่มเงิน 30 ล้าน เปิดยิมใหม่ ไม่เอาแล้วหุ้นส่วน ไม่อยากร้องไห้อีก!!
ปิดฉากดราม่าคนบันเทิงลงอีกคู่แล้ว สำหรับ "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" และ "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" หลังจากที่คาราคาซังมานานกับปัญหาระหว่าง "911 by JT" กับ "Smash Gym" ทั้งในเรื่องของสถานที่จอดรถ คลาสออกกำกายสำหรับลูกค้า และเมนูอาหารคลีนเพื่อสุขภาพ
โดยล่าสุดทางฟากของซือเจ๊สั่งลุยอย่าง "บุ๋ม ปนัดดา" ก็ได้ออกมาเปิดเผยกับเราว่า สำหรับกำหนดการย้ายออกที่ตกลงกันไว้กับอีกฝ่ายสรุปแล้วก็คือจะเป็นภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งในส่วนของยิมใหม่ที่จะเปิดเป็นของตัวเองโดยไม่มีหุ้นส่วนนั้นจะห่างจากพื้นที่เก่าแค่เพียง 1 กิโลเมตร และตนได้ทุ่มเงินกว่า 30 ล้านบาท เพื่อเริ่มต้นทุกอย่างใหม่หมด ก่อนยอมรับเข็ดแล้วกับการทำธุรกิจร่วมหุ้นกับใคร จากนี้ขอเดินหน้าทำงานแบบสบายๆ ดีกว่า...
เห็นว่าสิ้นปีนี้เราเตรียมย้ายแล้ว ?
"ใช่ค่ะ ประมาณสิ้นปี ก็อย่างที่ตกลงกันไว้ แต่ล่าสุดทางเขาเองก็ได้มีการยื่นข้อเสนออื่นๆ เข้ามาอีก โดยที่เหมือนกับจะซื้อบางอย่างเพิ่มเติม หรือว่าอยากจะได้ของข้างในของเรา ซึ่งบุ๋มก็เหนื่อยที่ต้องเจรจาแล้ว ดังนั้นก็เลยคิดเสียว่าเอาอะไรก็เอาเถอะ พวกแอร์พวกอะไรต่างๆ เพราะตอนแรกที่ตกลงกันเขาจะให้บุ๋มไปหาใบเสร็จเก่าตั้งแต่ช่วงสร้างแรกๆ ซึ่งบุ๋มก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน ใครจะไปเก็บไว้ สุดท้ายพี่ก็เลยตั้งใจว่าถอดออกละกัน เพราะตอนแรกถ้าหากคุณจะเร่งให้เราไปสร้างที่ใหม่เร็วๆ เราก็จำเป็นจะต้องยกของเก่าไปสร้างบ้าง แต่ถ้าเกิดคุณจะเอาด้วยมันก็ต้องคุยกันแล้วล่ะว่าคุณจะเอาอะไร ซึ่งตัวพี่เองก็พร้อมที่จะเปิดใจทั้งหมด เราเดินมาถึงจุดแล้วเราก็ต้องเดินหน้าต่อไปได้แล้ว บุ๋มเหนื่อยกับปัญหามาก บุ๋มอยากเดินไปข้างหน้ามากกว่าค่ะ"
แสดงว่าตัวเราเองก็อยากให้เรื่องมันจบ ?
"พี่ขอจบค่ะ จบไม่จบพี่ขอจบค่ะ พี่เหนื่อยแล้วค่ะพี่ขอไปที่ใหม่ดีกว่า เพราะเอาจริงๆ การไปที่ใหม่พี่เองก็ต้องมานั่งสู้ใหม่สร้างใหม่เหมือนกัน ทุกคนอย่าลืมนะคะที่ตรงนี้พี่เพิ่งสร้างได้แค่ 3 เดือน เท่านั้นเอง"
จากการคุยกันล่าสุดข้อตกลงเป็นยังไง ?
"ล่าสุดเขาขอแอร์มา ก็เอาค่ะ อยากได้ก็เอา น้องขอพี่ให้ค่ะ อยากได้อะไรอีกก็บอก แต่ถ้ามากกว่านั้น เอ่อ...ยังไม่รู้ค่ะ มันยังอยู่ในขั้นตอนของการต่อรองเพิ่มเติมว่าจะมีอะไรอีก ส่วนเรื่องค่าเช่าค่าอะไรต่างๆ พอใบเสร็จมันมาถูกต้องตามสัญญาเก่าที่เขาบอกไว้แต่แรกพี่ก็จ่ายทันทีเหมือนกัน เพราะพี่เตรียมเงินไว้ตั้งนานแล้ว"
สำหรับสถานที่ตั้งยิมใหม่ของเราไกลจากที่เก่ามากไหม ?
"มันไกลกันไม่ได้หรอกค่ะเพราะเราต้องรักษาน้ำใจลูกค้าเก่าด้วย เขามาลุยกับเรา เขามาซื้อสมาชิกเรา ตั้งแต่สมัยที่จอดรถยังมีปัญหา ดังนั้นถ้าหากจะให้เราไปที่ใหม่โดยทิ้งเขาไปไกลๆ แล้วแบบนี้คนที่เขารักเราตั้งแต่แรกล่ะเขาจะเป็นยังไง เราต้องมองจุดนั้นด้วย ส่วนใครที่จะมาบอกว่าทำธุรกิจแข่งกัน อันนี้เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะเพราะว่าฟิตเนสบนโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่บุ๋มกับเจนี่ แต่มันเป็นเรื่องความถนัดของคนละแบบมากกว่า"
"สำหรับสถานที่ตั้งยิมใหม่ของพี่ก็จะห่างจากที่เก่าประมาณ 1 กิโลเมตร (ยิ้ม) ตอนนี้ทำเอกสารครบพร้อมหมดแล้ว เป๊ะมาก คือถ้าไม่มีเอกสารพี่ก็ไม่เซ็นต์ไม่จ่าย พี่เป็นอย่างนี้เลยจะหาว่าเขี้ยวก็ยอม เพราะว่าเราได้เรียนรู้จากที่เก่าแล้ว และพี่เองก็ต้องขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทำให้พี่โตและระมัดระวังมากขึ้น ขอบคุณจริงๆ ค่ะ"
การตั้งยิมใหม่ของเราครั้งนี้ยังมีหุ้นส่วนอยู่ไหม ?
"ไม่เอาหุ้นแล้วค่ะ หุ้นเดิมมีแค่ไหนคือแค่นั้น มีบุ๋ม มีคุณเอก ซึ่งอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วหุ้นหลักๆ ของยิมจะเป็นแค่คุณเอกกับเพื่อนคุณเอกแค่นั้น แต่ที่มีชื่อพี่เข้าไปร่วมด้วยก็เป็นเพราะคุณเอกเขายกให้สบายๆ โดยที่เรามีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ซึ่งพี่ก็ถือว่าเราก็เป็นหนึ่งในคนช่วยสร้างช่วยคิดช่วยดึงคน ดังนั้นมันก็มีแค่นี้ค่ะ อยู่กันแค่นี้พอแล้ว"
เรียกว่าเราเองก็เข็ดเหมือนกันกับการมีหุ้น ?
"ก็ใช่ แต่อาจจะใช้คำว่าขอเซฟตัวเองดีกว่า พี่ไม่อยากร้องไห้อีกแล้วพี่กลัว"
สำหรับงบที่เราใช้ตั้งยิมใหม่นี้ทุ่มเงินไปเท่าไหร่ ?
"ที่ใหม่ก็ เอ่อ... 30,000,000 บาทค่ะ"
เยอะพอสมควรเลยสำหรับยิมใหม่นี้ ?
"ใช่ค่ะ แต่ก็อย่าลืมนะว่าที่เก่ามันเป็นหุ้นไง แต่ตอนนั้นเราเองก็ลงทุนไป 12,000,000 บาทแล้ว แต่พอมาที่ใหม่ซึ่งเราลงทุนไป 30,000,000 บาท พี่ก็ถือว่าโอเค มันก็ประมาณเก่า"
สำหรับยิมใหม่ที่เราจะสร้างเองอันนี้ได้มีการเพิ่มคอร์สอื่นๆ เข้าไปบ้างไหม ?
"เอ่อ...ถ้าเป็นคอร์สพวกซุมบ้าหรืออะไรพวกนั้น พี่อาจจะต้องขอดูก่อนค่ะว่ามันมีอะไรบ้างที่ลูกค้าต้องการ เพราะเราไม่ได้มองในมุมที่แบบเขามีอะไรเราต้องมีแบบนั้น พี่จะมองว่าเราถนัดอะไรมากกว่า รวมถึงลูกค้าอยากได้อะไร ซึ่งตอนนี้พี่ก็ขอให้ลูกค้าหลายๆ ท่านช่วยเขียนมานะคะว่าอยากให้มีคลาสอะไรบ้าง และทางเราก็จะพยายามจัดให้"
ในส่วนของอาหารที่เคยเป็นประเด็นกันยังคงขายอยู่หรือเปล่า ?
"ในส่วนของอาหารพี่ต้องขอเรียนก่อนว่า อันนี้ต้องย้อนนิดหนึ่งนะ คืออาหารที่น้องเขาขายมันคืออาหารคลีนประเภทไดเอท แต่ของพี่มันเป็นอาหารคลีนประเภทนักกล้าม ถ้าหากมาเห็นที่ยิมจะรู้เลยว่าอาหารที่เราทำมันเป็นอาหารสำหรับทำส่งนักกีฬาทีมชาติ เพราะนักกีฬาทีมชาติกินไดเอทไม่ได้ค่ะ ตายค่ะ"
ตั้งใจจะแกรนด์โอเพนนิ่งเมื่อไหร่ดี ?
"เอาเป็นว่าวันไหนที่เปิดจะบอกแน่นอน เชิญทุกคนแน่นอน เพราะมันเป็นก้าวอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตบุ๋ม ซึ่งบุ๋มก็อยากให้ขอทุกคนมาร่วมเป็นกำลังใจให้บุ๋มด้วย อาจจะสักช่วงประมาณต้นปีหน้า ราวๆ เดือนกุมภาพันธ์ ขอฤกษ์ดีๆ หน่อย"
ความสัมพันธ์ของเรากับเจนี่เป็นยังไงต่อไปหลังจากนี้ ?
"ถ้ามีผู้ใหญ่ติดต่อมาให้พี่ไปเล่นละครกับน้องเขาพี่ก็ยินดี เพราะพี่คือคนทำงาน แต่เพียงแค่ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยติดต่อพี่กลับอย่างที่ทุกคนทราบ ซึ่งพี่ก็เคยให้ทุกคนดูหลักฐานแล้วว่าพี่ส่งไปจริงๆ พี่เสนอให้เรามานั่งคุยกันสักทีดีไหมเพราะไหนๆ เขาเองก็บอกว่าเราเป็นพี่เป็นน้องกัน แต่ในเมื่อเขาไม่คุยก็ไม่เป็นไร พี่ยังไงก็ได้ พี่ถือว่าโอเคแล้วเราได้รู้จักคนมากขึ้นก็พอ"
ส่วนตัวเราเองได้สังเกตุไหมว่าเวลาดาราที่ไปทำธุรกิจออกกำลังกายจะมีประเด็นทะเลาะบ่อยมาก ?
"ปล่อยเขาไปเถอะค่ะใครจะทะเลาะกับใคร แต่พี่ไม่เอาแล้วค่ะ พี่ขอทำของพี่เงียบๆ สบายๆ ดีกว่า แต่ที่แปลกใจอย่างหนึ่งก็คือเวลามีใครทะเลาะกันก็ต้องมาดึงพี่เขาไปด้วยนี่สิ พี่ขอล่ะค่ะไม่เอาแล้วค่ะ"
อาจจะเพราะว่าเราเป็นคนบุกเบิกหรือเปล่า ?
"ไม่ใช่ (หัวเราะ) พี่ไม่ได้มีอะไรบุกเบิก และก็ไม่มีใครเป็นคนบุกเบิกอะไรทั้งนั้นล่ะค่ะ เมืองไทยเราก็เอาจากเมืองนอกมั้ยอ่ะ ไม่มีใครบุกเบิกอะไรกันก่อนหรอก และถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็เขียนลิขสิทธิ์กันเลยดีกว่า เพราะสำหรับขอดี้คอมแบตมันก็ต้องมีการซื้อลิขสิทธิ์ เนื่องจากเขามีลิขสิทธิ์กัน ซึ่งอันนี้ก็ถือว่าใครมีลิขสิทธิ์เราก็จะไม่ยุ่งประมาณนี้ คือมันก็มีเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่ ส่วนเรื่องที่ว่าจะให้ไปมีปัญหาอะไรกับใครอีกอันนี้พี่ไม่เอาอีกแล้วค่ะ ขอทำงานแบบสบายใจดีกว่าเนอะ"
อัลบั้มภาพ 16 ภาพ