หมอก้อง น้ำตาคลอ ภูมิใจขอทำหน้าที่ถวายพ่อหลวงครั้งสุดท้าย

ดาราและคุณหมอหนุ่ม "หมอก้อง สรวิชญ์" ก็เป็นตัวแทนข้าราชการมาปฏิบัติหน้าที่ ประจำอยู่เต้นท์สมาคมแม่บ้าน เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกประชาชนที่เดินทางมาถวายอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช ณ ท้องสนามหลวง โดยเจ้าตัวเปิดเผยถึงความประทับใจที่ได้ถวายงานแด่พ่อหลวงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พร้อมภูมิใจที่ได้มีโอกาสทำหน้าที่สำคัญในชีวิต

"เต้นท์ของเราอยู่ตรงนี้ครับ สำนักงานแพทย์ปลัดกระทรวงกลาโหมโดยตั้งไว้รวมกับสมาคมแม่บ้านด้วยครับ แต่ในส่วนของผมคือการปฐมพยาบาล ในส่วนของแม่บ้านคือจะแจกของ ซึ่งก็แจกกันทั้งวัน ตอนแรกๆ อาจจะมีเตียงเยอะหน่อยแต่ตอนนี้เหลือ 2 เตียงเพราะคนไม่ค่อยเป็นอะไรกันแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นลมกันหรือมีบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ"

"เมื่อวันที่ 14 วันแรกมีคนแจ้งมาว่ามีตรงนี้นะขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ เราก็ยินดีมา และคิดเองนะว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ถวายพ่อหลวงเป็นครั้งสุดท้าย ก็รู้สึกภูมิใจนะครับเพราะเราก็เป็นข้าราชการ มีพระองค์ท่านให้เป็นแบบอย่าง มีพระองค์ท่านเป็นแรงกระตุ้น แรงผลักดัน และเป็นอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้เราเห็นแก่ตัวให้น้อยลง และทำเพื่อคนอื่นมากขึ้น (น้ำตาคลอ)"

ทำสอนข้อไหนของพระองค์ท่านที่เรานำมาใช้เป็นแบบอย่างในชีวิตประจำวันบ้าง?
"จริงๆ ก็หลายอย่างที่พระองค์ท่านสอนและทำให้ดูด้วยการกระทำของพระองค์ท่านมาตลอดทั้งชีวิตเลยนะครับ แต่ที่มันโดนตัวเรามากๆ ก็คือเรื่องของการทำหน้าที่ของตัวเอง สังคมมันจะสงบสุขได้ถ้าทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและเกื้อกูลต่อกัน สังคมก็จะสงบสุขอย่างคำที่พ่อสอน"

ส่วนตัวรู้สึกปราบปลื้มใจยังไงบ้างที่เคยถวายงานรับใช้พระองค์ท่าน?
"ผมไม่ได้เข้าไปถวายอย่างใกล้ชิดนะครับ เราก็ทำหน้าที่แบบนี้แหละ ตอนแรกมันไม่ใช่การปลาบปลื้มแต่มันเป็นการละอายใจ (ยิ้ม) เพราะเมื่อก่อนนิสัยไม่ค่อยดี เกเรมาก แต่พอผ่านเหตุการณ์อะไรหลายๆ อย่างทำให้รู้สึกว่าการเป็นข้าราชการ และเป็นคนของพระองค์ท่านควรจะทำให้ท่านสบายใจ ถ้าเกิดท่านได้รู้ว่าเราทำงานยังไง และสมมติว่าท่านรู้ว่าเราเกเรท่านคงเสียใจมาก (น้ำตาคลอ) ณ วันนี้ผมภูมิใจมาก ผมรู้สึกถึงคำนี้แหละ คำว่าข้าราชการคือข้าของแผ่นดิน คือข้าของรัชกาลที่ 9 ผมคือคนของรัชกาลที่ 9 (ร้องไห้) เป็นสื่อการของพระองค์ท่านกับประชาชนที่ท่านรัก คือคนที่ปฏิบัติหน้าที่ตรงกลาง และทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมงาน ไม่เบียดเบียนคนไข้ ไม่เบียดเบียนเวลาเขา"

ในฐานะที่เราก็เป็นลูกคนหนึ่งของพ่อหลวง เรามีอะไรอยากจะบอกลูกๆ คนอื่นบ้างไหม?
"คือทุกวันนี้เราต้องพยายามทำตัวเองให้ดีพอเพื่อที่จะเรียกตัวเองว่าลูกของท่าน (น้ำตาคลอ) ผมบอกตัวเองอย่างนี้ เราต้องพยายามทำตัวเองให้ดี เพราะเรามีพ่อที่ประเสริฐเหลือเกิน ถ้าเรายังไม่ดีอยู่เราก็ละอายใจเหลือเกินที่จะเรียกพระองค์ท่านว่าพ่อ และถ้าเกิดเราจะเรียกพระองค์ท่านได้เต็มปากเต็มคำว่า "พ่อ" แล้ว ลูกคนนี้หรือทุกๆ คนพร้อมที่จะตอบแทนพ่อบ้างไหม และการตอบแทนพระองค์ท่านมันไม่ได้ยาก แค่ทำตัวเองให้ดีที่สุดในแต่ละบทบาทหรือหน้าที่ที่ตัวเองได้รับ โดยไม่เบียดเบียนคนอื่น คำว่าทำดีถวายพ่อใครที่ตั้งใจจะทำก็ทำเลย โอกาสนี้มาถึงแล้ว ไม่อย่างนั้นจะสายไป"