นับถอยหลังก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

อีกไม่เกิน 2 สัปดาห์  ก็จะถึงเวลาของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว นางฮิลลารี่ คลินตั้น ต้องการจะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกาให้สำเร็จ แต่มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้ฝันของเธอเป็นจริงไปได้ง่าย ๆ จนถึงขณะนี้ ผลการเลือกตั้ง ยังไม่อาจคาดเดา  เพราะอะไร ๆ ก็สามารถพลิกผันได้ตลอดเวลา

จากการสำรวจของ RealClearPolitics ระบุว่า คณะนี้ตัวพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน อยู่ 2-3 คะแนน ความกดดันจึงมาอยู่ที่ทรัมป์ 

คลินตันได้รับคะแนนนิยมมากกว่า ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ฟอริด้า เนวาด้า นอร์ทแคโรไลน่า เพนซิลวาเนีย เวอร์จิเนีย และวิสคอนซิล ส่วนทรัมป์ วัย 70 ปี มีคะแนนนำในไอโอว่า รวมทั้งรัฐสำคัญอย่างโอไฮโอ ซึ่งเขาได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนทำงานผิวขาว แต่คลินตัน วัย 68 ก็ไม่จำเป็นต้องมาทำแต้มในรัฐนี้ หากเธอสามารถยึดคะแนนเสียงในรัฐอื่น ๆ ได้

หลังการดีเบทครั้งแรก นักวิเคราะห์หลาย ๆ คนบอกว่า ชัยชนะเป็นของ Clinton และความนิยมของ Trump ยังตกไปอีก จากกรณีการโต้เถียงกับอดีต Miss Universe ทำให้ผลสำรวจคะแนนนิยมพุ่งไปทาง Clinton

ช่างสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีกระแสเรื่อง Trump เลี่ยงภาษี และยังแสดงตนว่าเป็นคนฉลาดที่สามารถได้ประโยชน์ความซับซ้อนของภาษี ไม่เพียงเท่านั้น ยังถูกเพ่งเล็งทั้งในเรื่องของการเรียกผู้อพยพชาวแม็กซิกันว่า Rapists ตามมาด้วยการต่อต้านผู้มาเยือนชาวมุสลิม การสนับสนุนอาวุธนิวเคลียร์ให้ญี่ปุ่นและซาอุดิ อารเบีย 

ทางด้าน Clinton นั้น ระยะเวลา 30 ปี ที่อยู่ในกระแสสังคม ทั้งในฐานะของอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ วุฒิสภา และสตรีหมายเลข 1 ความนิยมในตัวเธอก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก และปัญหาอีเมล ก็ส่งผลลบต่อคะแนนนิยมในตัวเธอ

ทั้ง Trump และ Clinton ต่างก็ไม่สามารถเป็นที่พออกพอใจของคนอเมริกันประมาณครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกัน ต่างก็ต้องเลือกว่าจะอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างไร หลังจากพ้น 8 ปี ภายใต้การนำของ Obama ซึ่ง Trump เองนั้นได้เข้ามาลงสนามการเมืองแบบไม่มีประสบการณ์ และเขาก็ติดกับในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ ผู้ให้การสนับสนุนเขา บอกเขามาร่วมเดือนแล้วว่าให้แสดงตนให้เหมือนประธานาธิบดีให้มากขึ้น