'นาตาลี เดวิส' บอก ไม่ท้อ คนมองทำดีสร้างภาพ
สาว "นาตาลี เดวิส" ไม่ท้อ แม้คนมองทำดีสร้างภาพ รวมทุนเพื่อนซื้อจักรยานให้คุณยาย จ.ชัยนาท เพื่อนๆ ให้กำลังใจ
เป็นดาราที่มาร่วมเป็นจิตอาสาอย่างต่อเนื่อง สำหรับ นาตาลี เดวิส ซึ่งเจ้าตัวบอกเป็นความตั้งใจที่อยากช่วยเหลือประชาชน ไม่เคยคิดว่าจะทำความดีสร้างภาพ นอกจากนี้ ยังเผยเรื่องความประทับใจที่มีคุณยายท่านหนึ่ง ได้ปั่นจักรยานจากจังหวัดชัยนาท เข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อสักการะพระบรมศพ โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยทั้งที่มีอายุมากแล้ว นาตาลี กล่าวว่า
ถามถึงเรื่องการช่วยเหลือคุณยายที่ปั่นจักรยานมาจาก จ.ชัยนาท?
"ที่มูลนิธิกตัญญูของจังหวัดอยุธยา ไปเจอแกปั่นผ่านมาเพื่อจะเข้ากรุงเทพฯ ก็ได้ทำการช่วยเหลือแก เพราะแกปั่นมาเกือบ 500 กิโลเมตร เลยได้ทำการตรวจเช็กร่างกาย แล้วตั้งใจจะพาคุณยายมาส่งที่สนามหลวง เพราะแกตั้งใจจะมาสักการะพระบรมศพ แต่แกบอกว่าไม่ขึ้น เพราะแกตั้งใจที่จะปั่นมาเอง เพื่อให้ถึงสนามหลวง ถ้าแกขึ้นรถก็เท่ากับไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และความตั้งใจของยายว่าจะปั่นมาที่นี่ พวกพี่ๆ ทีมร่วมกตัญญู ขับรถตามแกมา มาส่งแกตรงซุ้มของมูลนิธิฯ แล้วจับแกปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้ยายทานข้าว ทานน้ำหวาน จากนั้นก็พายายไปไหว้กำแพงวังที่ใกล้ที่สุด แล้วยายดีใจมาก แล้วพาแกไปรับเสด็จ"
ถามคุณยายไหมว่าทำไมถึงตั้งใจจะปั่นมาที่กรุงเทพฯ?
"ยายบอกว่ายายปั่นมาเป็นประจำทุกวันสำคัญและจักรยานเป็นพาหนะ ที่ยายสามารถปั่นเข้ามาในกรุงเทพฯ ได้ ยายไม่ได้มีเงินเยอะถึงกับเหมารถมา คงเหมือนว่ายายตั้งใจอยากจะทำให้สำเร็จ เหมือนหลายๆ คนจะพยายามมาด้วยวิธีที่ต่างกันไป เรานับถือคนเหล่านี้มาก เพราะเราเองปั่นจักรยานในสวนไม่กี่รอบก็เหนื่อยมากแล้ว คนที่เดินมา ปั่นจักรยานมา นับถือเขาสุดๆ แล้วจักรยานคุณยายเก่ามากๆ สนิมขึ้นทั้งคัน หนูเลยตั้งใจว่าจะรวมเงินกับเพื่อนๆ ซื้อจักรยานให้แกใหม่ แต่พอเราลงไอจีไปก็มีร้านจักรยานติดต่อเข้ามามาก อยากจะช่วย ถ้าเอามาไว้ที่บ้านเรานี่คงจะจอดไม่พอ เลยคิดว่าจะรวมจักรยานไปบริจาคให้กับที่อื่นด้วย เราทำงานอาสาเรามีโอกาสได้ไปโรงเรียนตามชายแดนที่ไกลๆ ให้เขามีโอกาสได้มีด้วย เพื่อคนที่แสดงความตั้งใจจะบริจาค โดยเราก็อาสาส่งต่อสิ่งของเหลานั้น ตอนนี้กำลังคัดเลือกอยู่ว่าคันไหนเหมาะกับยาย"
ตอนที่ยายมาถึง ยายมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?
"ตอนแกมาแกมือสั่นนะ เท้าสั่น ชีพจรแก 190 ซึ่งมันสูงมาก น้ำตาลในเลือดค่อนข้างต่ำ ทุกคนก็ช่วยปฐมพยาบาลกัน แต่แกไม่ได้สนใจเลย เพราะแกดีใจมากที่มาถึง แกร้องไห้ ในวินาทีนั้นเข้าใจเลยว่ายายมีหลากหลายอารมณ์มาก เราเองก็ดีใจกับยายที่แกทำสำเร็จ แต่เราก็สงสารแกนะ คือการได้มาที่นี่ เราจะได้รับความรู้สึกที่หลากหลาย เห็นหลายๆ อย่าง จนเรารู้สึกว่า วันต่อมาก็ต้องมาที่นี่อีก มันมาแล้วก็มีแต่ความรู้สึกดีๆ อะไรที่มันไม่เหมาะสมก็มี เราก็พยายามที่จะมองข้ามจุดนั้นไป เราไม่ชอบอะไร เราก็ไม่ต้องไปมองเพราะเราเปลี่ยนเขาไม่ได้ เราเลือกดูอะไรที่ดีๆ ทำให้มันเกิดเป็นพลังให้กับใจเราดีกว่า"
นอกจากเหตุการณ์นี้ มีอะไรอีกที่ทำให้นาตาลีอยากมาที่สนามหลวงทุกวัน?
"จะเห็นคนพิการ คนอายุมากๆ อย่างเรามาแทบทุกวัน เราจะเห็นว่ามีคุณตาคุณยายมารอรับเสด็จทุกวัน แกรู้ตารางเวลาดีมาก ว่ารถพระที่นั่งของพระองค์ท่านจะมาเมื่อไหร่ แกบอกว่าอยู่บ้านคนเดียวก็เหงา แกดูข่าวก็เอาแต่ร้องไห้ แกมาดูขบวนเสด็จให้ชื่นใจดีกว่า รวมถึงน้ำใจของจิตอาสาต่างๆ ที่มากันเยอะมากๆ ต้องขอบคุณมากๆ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ต่างๆ มาเป็นพันๆ คน เรารู้ว่าเขาเหนื่อย แต่ทุกคนก็มาด้วยใจ ยิ่งวันที่ฝนตก เรายังมีร่มหลบในเต็นท์ แต่เขาต้องปฏิบัติหน้าที่ตลอด ฝากถึงคนที่มาให้เตรียมสภาพร่างกายที่ดี เมื่อวันที่ 29 ต.ค.วันที่เปิดให้เข้าสักการะพระบรมศพ คาดว่าคนน่าจะเยอะมากๆ อยากให้คนที่มาเตรียมตัวให้ดีๆ ค่อยๆ ทยอยกันมา เพราะทางการเปิดให้เข้าหลายเดือน"
การที่เรามาเป็นจิตอาสาในครั้งนี้ เราได้ประสบการณ์อะไรบ้างกลับมาใช้กับตัวเอง?
"ได้อะไรกลับไปเยอะมาก อย่างแรก เหมือนเราได้ฝึกสมาธิ ความอดทน และจิตใจตัวเองการที่เรามาอยู่ที่ๆ หนึ่ง ที่มีคนมาเป็นแสนๆ ต่อวัน แน่นอนก็ต้องมีคนหลายกลุ่มปะปนกันไป บางคนมีคำถามว่ามาแล้วมันเป็นอย่างไร มันแย่อย่างไร หรือว่ามันดีอย่างในข่าวว่าไหม จะบอกว่ามันมีหลากหลายปะปนกันไป ใครโชคดีมาเจอสิ่งที่ดีๆ เขาก็จะได้ประสบการณ์ดีๆ กลับไป แล้วอยากจะมาอีก หรือบางคนมาเจอ คนโหวกเหวกเสียงดัง คนเซลฟี่กันอย่างบ้าคลั่ง เขาก็จะรู้สึกไม่ดี ไม่ใช่ อย่างหนูมาแทบทุกวันไปแค่สามวันเอง เรารู้สึกว่าเราอยากมาทุกวันตื่นมาแล้วก็อยากจะมาที่นี่เลย เพราะอยู่บ้านดูข่าวก็เศร้าร้องไห้
รู้สึกแย่ เรามาที่นี่ดีกว่า เราเปลี่ยนความเศร้าให้เป็นพลัง ช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่เราเลือกมาอยู่ที่ตรงครัว เพราะเราชอบทำอาหาร การที่เราเลือกอยู่ตรงไหน ต้องมาจากการชอบแล้วเราจะทำได้ดี ได้มาหั่นผัก เตรียมของ อาหารก็อร่อย ในช่วงวันธรรมดา จิตอาสาค่อนข้างขาดแคลน ก็จะได้เห็นคุณลุง คุณป้า เอามีดเอาเขียงมาเอง มาช่วยหั่นผัก เราเห็นแล้วมันชื่นใจ มันทำให้เรามองข้ามจุดเล็กๆ ที่ไม่น่ามอง อย่างน้อยทุกคนก็ยังมา การเดินทางก็ไม่ใช่จะสะดวก ถึงเขาจะอยากมาถ่ายรูปเขาก็ยังมา มันยังดีกว่าคนที่ติคนอื่นไปทั่ว ไม่ได้ว่าคนที่ไม่มานะ บางคนมีเหตุผลส่วนตัวเลยไม่มา แต่พวกที่ติคนอื่นไปทั่ว นั่นไม่ดี นี่ไม่ดี ไม่ใช่ไม่เหมาะ คือ เข้าใจว่าทุกคนรู้แหละว่าอะไรไม่เหมาะ แต่การที่เขาได้มาเจอดารานักแสดง ที่ทั้งชีวิตนี้เขาอาจจะไม่ได้เจอ แล้วเขาได้มาเจอที่นี่ อาจจะมีสติหลุดไปบ้าง ว่าดีใจได้เจอดารา อยากถ่ายรูปจังเลย เราเข้าในใจเขานะ เพราะเราทำงานตรงนี้เราเห็นเยอะ แต่ขอเลือกมองที่เจตนาของทุกคนที่มาว่า เขามีเจตนาที่ดีอยากจะช่วย แต่ขอฝากเรื่องความสะอาดนิดนึง เพราะมันเยอะมาก ถึงจะมีจุดทิ้งหลายจุด จิตอาสาก็เดินอยู่ทั่ว แต่ก็เห็นขยะเยอะอยู่ดี ซึ้งใจมากกับคุณลุงคนหนึ่ง แกปั่นจักรยานสามล้อเพื่อช่วยเก็บขยะ แกจะมีถุงดำเก็บขยะตั้งแต่เช้ายันค่ำ เราอยากขอบคุณคนเหล่านี้ เรารู้ว่าที่ทุกคนทำทุกคนเหนื่อย เรานอนอยู่บ้านไม่มาก็ได้ สบายไม่ลำบาก แต่ทุกคนที่มา ทุกมาด้วยใจไม่มีค่าตอบแทน ทุกคนอยากมาช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในคำสอนในหลวงที่ว่า คนเราได้รับแล้วต้องรู้จักให้ อีกนักแสดงอย่างเรา เราได้รับอะไรมามาก นอกจากเงินทองที่มากมายแล้ว เรายังได้โอกาสดีๆ หลายอย่าง ไปไหนมาไหนก็มีคนต้อนรับเหมือนเป็นบุญคุณของคนอื่น ที่เขาคอยสนับสนุนผลงานเรา เราก็ต้องตอบแทนให้กับเขาบ้าง บางคนไม่สะดวกลงเงินก็มาลงแรง"
บางคนมองว่าทำจิตอาสาเอาหน้า?
"มันมีหลากหลายรูปแบบการที่เราลงรูปว่ามาเป็นจิตอาสา เจตนาของเราอยากให้คนเห็นสิ่งดีๆ บรรยากาศดีๆ ที่เราทำและหลายๆ คนช่วยกันทำ เอาง่ายๆ อย่างเราทำหน้าที่ในโรงครัวจะให้หั่นผักวันหนึ่งร้อยกิโลฯ คนเดียวคงไม่ได้ เราต้องอาศัยแรงจากหลายๆ คน แกะคนละฝักคนละหัวก็ได้มาเป็นตะกร้าจากตะกร้าก็ได้เป็นหม้อแจกคนได้เป็นพัน ถ้าจะบอกว่าสร้างภาพ ก็โอเคนะ
สร้างภาพที่มันดี ก็ดีกว่าไปเปิดโป๊เปลือยตามอินเทอร์เน็ตตอนนี้ แล้วเรียกตัวเองว่า เน็ตไอดอล คิดว่าการมาทำแบบนี้น่าดูกว่าเยอะ ให้คนมาดูแบบนี้ก็ดีเสียกว่า"
มีท้อบ้างไหมที่มีคนอาจตีความหมายจิตอาสาผิด?
"ไม่ท้อเลย แต่จะอารมณ์เสีย จะมีปรี๊ดนิดหน่อย เหมือนมือไม่พายก็ยังจะเอาเท้าราน้ำ ลำพังมาเราก็เหนื่อยนะ เงินก็ไม่ได้ แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่านั้น มันคือความรู้สึกดีๆ วันก่อนไปนั่งรอรับเสด็จแล้วฝนตกหนักมาก พื้นถนนเปียกหมด ทุกคนก็ยังรอรับเสด็จ เพื่อที่จะรอให้เห็นจนได้ มีพี่คนกวาดขยะ เรียกเราแล้วยื่นถุงดำให้เรารองนั่ง เพราะคงเห็นว่าเรานั่งยองๆ อยู่นาน เราได้เห็นเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่มันรู้สึกว่าน่ารักจัง มันทำให้เรารู้สึกว่า พรุ่งนี้เราอยากจะมาที่นี้อีก เรามาทำแล้วเรารู้สึกดี มากกว่ารู้สึกไม่ดี แล้วเราจะไปสนใจสิ่งที่มันไม่จริงทำไม เราพยายามไม่ไปฟัง หรือดูนะ เราอยากขอบคุณทุกคนที่มา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เกณฑ์เพื่อนมา หรือเด็กนักเรียนที่พากันมา เรื่องจิตอาสาเป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝังกันมาแต่เล็กๆ พ่อแม่โรงเรียนสอน บางคนเพื่อนไม่มา เขายังมาเอง ไม่ต้องสนใจใคร มีแค่ถุงดำก็ทำประโยชน์ได้แล้ว เดินแค่ครึ่งวัน เราเชื่อว่าเขาก็อยากจะกลับมาอีก อย่างเราบางทีจะได้ยินป้ามาพูดกับเราว่า เป็นดารามาทำไมลูก ร้อนก็ร้อน เราอยากบอกว่าเราเป็นคนเท่าเทียมกันหมด หนูร้อน ป้าก็ร้อน เราทุกคนก็อยากมา อย่างเราเองเป็นจิตอาสา เราไม่ได้นับหรอกว่าเราทำมาแล้วกี่ปี แค่เราก็ทำของเรา เรามาแล้วเรารู้สึกชอบ อย่างที่บอกมาที่นี่แล้วเรามีความสุข ถ้าไม่สุขคงไม่มาหรอก"
ได้ให้กำลังใจเพื่อนๆ หรือ คำแนะนำเพื่อนๆ ไหม เพราะบางคนอาจกลัวเจอกระแสโจมตี?
"ก็จะบอกเขาว่าไม่ต้องไปสนใจเขา เรามาทำความดี ไม่ต้องไปสนใจคนที่อยู่นอกสารบบของเรา เราให้ความสนใจคนที่อยู่ในสารบบน้อยๆ ของเรา เพื่อน พี่ น้อง ที่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ มาวันสองวัน เราอาจจะหาว่าเราสร้างภาพ แต่ถ้ามาเรื่อยๆ บ่อยๆ เราจะไม่ได้รู้สึกถึงตรงนั้น เพราะคนที่เขาจะว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ว่าเราอยู่ดี ให้เรารู้ว่าเราตั้งใจจะทำดี เราไม่ได้ออกมาเดินล้วงกระเป๋าใคร เรามาทำความดี