แชร์อีกมุมของ น็อต อัครณัฐ เคยช่วยเหลือลูกคนพิการถูกลูกตำรวจรุมฆ่า

แชร์อีกมุมของ น็อต อัครณัฐ เคยช่วยเหลือลูกคนพิการถูกลูกตำรวจรุมฆ่า

แชร์อีกมุมของ น็อต อัครณัฐ เคยช่วยเหลือลูกคนพิการถูกลูกตำรวจรุมฆ่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นกระแสสังคมที่ถูกพูดถึงอย่างหนักในโลกออนไลน์ กรณีของพิธีกรหนุ่ม น็อต อัครณัฐ ขับรถมินิสีเหลืองได้ชกต่อยคนขี่รถจักรยานยนต์กลางถนน หลายคนวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพิธีกรหนุ่มเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ เจ้าตัวได้ออกมาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้เข้าช่วยเหลือคู่กรณีเป็นที่เรียบร้อยในส่วนที่ตัวเองได้กระทำลงไป แต่ส่วนในเรื่องของคดีความนั้นให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ากันไปตามความผิด 

ล่าสุด ในโลกออนไลน์ได้นำเสนออีกมุมของผู้ชายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่ขาดสติของเขา ต้องบอกว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ของ น็อต อัครณัฐ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2559 ในเฟซบุ๊คของสมาชิกทีใช้ชื่อว่า Juthamas Na Songkhla ได้นำเสนอเรื่องการมีน้ำใจให้กับคนในสังคมไทยด้วยกัน กับการช่วยเหลือลูกลูกคนพิการถูกลูกตำรวจรุมฆ่า โดยในข้อความระบุว่า 

ในดีมีเลว ในเลวมีดี
ตั้งแต่เล็กจนโต ผู้ใหญ่มักสอนเสมอว่า "คุณงามความดีนั้นรักษายาก" ด้วยการขาดสติ หรือ การบันดาลโทสะ เพียงครั้งเดียว ความดีที่ทำมาทั้งหลายจะล่มสลายไปได้ในพริบตา
การกระทำใดๆก็ตามอย่ายอมให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเป็นอันขาด เพราะเมื่อสิ่งที่เรากระทำนั้นมันถูกเผยแพร่ไปสู่ผู้ที่อยู่ในสังคมร่วมกันกับเรา ซึ่งพวกเขาต่างก็ล้วนมีอารมณ์ "ชอบ" และ "ชัง" ได้ทั้งสิ้น อารมณ์ร่วมเหล่านั้นอาจจะพิพากษาชีวิตของเราได้

เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ เป็นวันหนึ่งที่ผู้คนในสังคมส่วนใหญ่ต่างสามัคคีกันแสดงความคิดเห็นในด้านลบต่อการกระทำผิดพลาดเลวร้ายของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มีความรู้มีการศึกษาดี
และมีหน้าที่การงานอันเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

แน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเลวร้าย เขาทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย เขาทำให้สังคมประณามกับการขาดสติ เขาใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาพยายามพูดแก้ตัวนั้นยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก
ความรู้สึกของผู้คนในสังคมยิ่งรู้สึกว่านอกจากเขาจะไม่สำนึก

ในความผิดที่ทำลงไปแล้วตรงข้ามเขายังพยายามชี้ให้เห็นความผิดของอีกฝ่ายเพื่อการเอาตัวรอดของตนเอง หนำซ้ำเขายังโชคร้ายเพิ่มขึ้นไปอีก ที่มีทนายความซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เขาเคารพนับถือเข้ามาเสริมทัพให้ตรรกะความคิดและการนำเสนอภาพลักษณ์ในการพลิกสถานการณ์ จากผู้กระทำการอันผิดพลาดขาดสติ กลายเป็นหายนะทางความคิดไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

สังคมก่นด่าประณามเขาเพราะความผิดอันขาดสติ จนลงมือทำร้ายผู้อื่น(ตามคลิป)เพราะความโมโหจนไม่ยั้งคิด เรื่องเล็กแค่รถเฉี่ยวชนกันแทนที่จะจบลงด้วยการเจรจา กลับนำมาซึ่งการพิพากษาชีวิตเขาอย่างที่เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ยืนในสังคมเลยทีเดียว

วันนี้การงานของเขาล่มจม ธุรกิจเสียหาย เพื่อนหันหลังให้ และคนบางส่วนอาจจะเลยเถิดไปด่าว่าพ่อแม่ของเขา แทบจะเรียกได้ว่าชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งพังพินาศเพราะวาจาและอารมณ์เพียงครั้งเดียว
เราอดคิดไม่ได้ว่า...ถ้าเมื่อวันนั้นเขาได้คนที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษา แนะนำให้เขาแสดงความเป็นลูกผู้ชาย ยอมรับผิด ยอมขอโทษ ยอมทำทุกอย่างให้คนในสังคมใจเย็นลง ไม่มัวแต่โทษคนอื่น

ไม่มัวเอาชนะอยากเป็นผู้เสียหาย ไม่เถียงข้างๆคูๆ และใช้ตรรกะความรู้ด้านกฎหมายแบบผิดพลาด จนเป็นเหตุปะทุเชื้อไฟโกรธ
ในใจของผู้คนในสังคมให้ยิ่งลุกลามไปทั่วแล้ว เรื่องเลวร้ายขนาดนั้นอาจจะเบาลงได้บ้าง

เราเป็นคนหนึ่งที่รังเกียจคนที่ใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้า เพราะถ้าเราปล่อยให้สติขาด น็อตหลุด ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา ใช้กำลังทำร้ายร่างกายกัน ผลที่ได้รับจากสังคมมันคือความรุนแรงที่จะคืนกลับมาเป็นร้อยเท่าพันทวี ดังเช่นที่นักแสดง-พิธีกรหนุ่มคนนั้นกำลังพบเจออยู่

วันนี้เมื่อไฟโกรธในใจของคนดูเช่นเราค่อยๆมอดเชื้อลงไป เรานึกเมตตาต่อชายหนุ่มคนนั้นซึ่งคงอยู่ในวัยใกล้เคียงลูกหลานของเรา อดคิดไม่ได้ว่าแรงอารมณ์ของคนในสังคมจากการกระทำแย่ๆของเขานั้นย้อนกลับไปถึงเขาหนักหนาสาหัส สร้างผลกระทบต่อเขาอย่างมากเช่นกัน และคนหนุ่มที่อารมณ์โกรธสูงจนขาดสติเช่นนั้นเขาจะคิดทำร้ายตัวเอง หรือมีการกระทำอะไรที่ขาดสติต่อตัวเองบ้างหรือเปล่า และจึงคิดได้ว่าหากเราได้ย้อนกลับไปมองวันวารของเขา แน่นอนว่าเขาคงต้องเคยเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ศิษย์ที่ดีของครูอาจารย์ เพื่อนที่ดีของใครบางคน ลูกหลานที่กตัญญูรู้คุณของญาติพี่น้อง เป็นเพื่อนร่วมงานที่คนต่างชื่นชม และอาจเคยเป็นบุคคลที่กระทำความดีต่างๆมาบ้างไม่มากก็น้อย

ขอบอกว่าเราไม่เคยรู้จักไม่เคยร่วมงานกับชายหนุ่มผู้ขาดสติคนนั้น ไม่เคยเห็นผลงานการแสดงของเขาสักครั้งเลยด้วยซ้ำ แต่มีคนเตือนเราให้จำได้ว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2559 ที่ผ่านมา ในตอนเย็นหลังเสร็จพิธีศพนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการที่ถูกลูกตำรวจและพวกรุมฆ่าตาย ซึ่งจัดงานศพที่วัดธรรมศาลา จ.นครปฐม มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเรา และยื่นซองสีขาวให้พร้อมกับบอกว่า

"ผมขอช่วยการศึกษาของน้องๆ" ซึ่งก็คือลูกของผู้ตาย เราถามเขาว่ามาจากไหน เขาตอบว่ามาจากกรุงเทพ ติดตามข่าว เลยอยากมาให้กำลังใจ เราเรียกลูกของนายสมเกียรติมารับซองเงินจากเขา และขอให้เขาถ่ายรูปร่วมกับเด็กๆและพี่สาวนายสมเกียรติเอาไว้ จำได้ว่าเขามอบเงินให้เด็กๆ สองหมื่นบาท

แน่นอนว่านั่นคือสิ่งดีๆที่เขาได้กระทำ แม้ว่าสิ่งดีต่างๆที่เขาได้เคยกระทำมา เอามาหักล้างกับสิ่งร้ายๆที่เขาเพิ่งกระทำมาไม่ได้ แต่เราอยากนำเสนอเพื่อให้สังคมได้รู้ว่า ในดีมีเลว และในเลวย่อมมีดี ได้เช่นกัน
สังคมไทยเป็นสังคมที่พร้อมจะให้อภัยคนที่ผิดพลาด ให้โอกาสคนที่ยอมเป็นผู้แพ้

สังคมไทยเคยมีเมตตาต่อคนเลวร้ายที่เขาชดใช้กรรมแล้วให้กลับมามีที่ยืนอีกครั้ง

ขณะนี้ที่สังคมไทยกำลังอยู่ในห้วงเวลาแห่งการทำดีตามรอยพ่อ
ขณะที่คนไทยกำลังปลูกฝังความรัก ความสามัคคีกัน ตามคำสอนของพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙

สังคมไทยคงจะอภัยต่อการกระทำของผู้ชายคนนั้น ให้เขาได้มีที่ยืนเพื่อแก้ไขสิ่งผิดพลาด หากให้โอกาสเขาเพื่อทำสิ่งดีๆตอบแทน เราเชื่อว่าความคิดดี ทำดี ของเขาอาจยังประโยชน์แก่สังคมได้อีกมาก อย่าขุดรากถอนโคน เหยียบเขาจมดินอีกต่อไปเลย

บทลงโทษทางสังคมที่พวกเรามีต่อเขาไปแล้วนั้น เชื่อว่าเขาคงได้รับบทเรียนมากพอแล้ว
9 พ.ย. 2559
จุฑามาศ ณ สงขลา

หลังข้อความดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ทำผิด รับโทษ  กล่าวขอโทษ  คำว่า "ให้อภัย" คงเป็นคำที่ดีที่สุด

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ แชร์อีกมุมของ น็อต อัครณัฐ เคยช่วยเหลือลูกคนพิการถูกลูกตำรวจรุมฆ่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook