ค้นหาระทึก 2 เด็กอนุบาลชายหญิง ถูกหนุ่มพเนจรหลอกเข้าป่า

(10 พ.ย.) เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองชลบุรี เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคงมณฑลทหารบกที่ 14 จังหวัดชลบุรี ต้องช่วยกันผู้คนที่จะเข้ารุมประชาทัณฑ์ นายกำพล  อายุ 33 ปี หลังร่วมกับนายโจทพงศ์ อายุ 27 ปี พาตัว ด.ช.เอ (นามสมมุติ ) อายุ 5 ขวบ และด.ญ.บี ( นามสมมุติ ) อายุ 5 ขวบ ไปจากบ้านพักบริเวณภายในซอยแมรี่ ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่เวลา 18.30 น.ที่ผ่านมา จนผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนเห็นว่ามืดแล้วเด็กยังไม่เข้าบ้าน จึงออกตามหาแต่ก็ไม่พบจนมีพลเมืองดีแจ้งว่าเห็นนายดำและนายติ๊ก สองหนุ่มพเนจรพาเด็กทั้งสองคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์หายไป จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามหาเกรงว่าจะเกิดอันตรายได้

จนเมื่อเวลา 22.00 น. คืนเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองชลบุรีและเจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคงมณฑลทหารบกที่ 14 ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีขณะช่วยกันตามหาเด็กทั้งสองอยู่นั้นว่า พบเด็กชายวิ่งออกมาจากป่าข้างวัดเวฬุวัน ตำบลหนองข้างคอก อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จึงรีบรุดไปตรวจสอบ

เมื่อถึงที่หน้าวัดพบว่าเด็กที่ชาวบ้านพบนั้นเป็น ด.ช.เอ ที่แจ้งหายเมื่อตอนหัวค่ำ จึงสอบถามหา ด.ญ.บี ทราบว่าถูกนายติ๊กนำเข้าไปในป่าหลังวัดซึ่งมืดมาก เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันกระจายกำลังตามหา จนพบนายโจทพงศ์ ยืนอยู่ในป่าสภาพเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง สอบถามหาเด็กผู้หญิงได้แต่บอกว่านายติ๊กพาไป ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังกระจายกำลังตามหาอยู่นั้น ได้พบนายกำพล เดินจูง ด.ญ.บีอยู่บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ เจ้าหน้าที่จึงทำการเข้าจับกุมก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี อย่างทุลักทุเล เนื่องจากประชาชนที่ทราบข่าวต่างกรูกันเข้ามารุมประชาทัณฑ์เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันแล้วนำขึ้นรถรีบนำตัวออกมา

โดยนายกำพล กล่าวว่า ตนเองได้ชักชวนเด็กทั้งสองมาจากบ้านจริงเพียงแค่จะนำมาช่วยเด็ดฝรั่งที่ตนเองรับจ้างเก็บเพียงเท่านั้น ส่วนด.ช.เอ เล่าว่านายกำพลและนายโจทพงศ์ชักชวนหลอกว่าจะพามาซื้อของที่ตลาดนัดเพื่อซื้อของให้จึงยอมขึ้นรถมาด้วย ซึ่งเด็กทั้งสองแจ้งว่าระหว่างถูกนำตัวมาได้ถูกนายกำพลทำร้ายร่างกายด้วยการตบหน้า ดญ.บีและเตะที่หลัง ดช.เออีกด้วย พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป