เครดิตบูโรแจง ไม่เกี่ยว "เบส อรพิมพ์" อดได้วีซ่าเข้าสหรัฐ

เครดิตบูโรแจง ไม่เกี่ยว "เบส อรพิมพ์" อดได้วีซ่าเข้าสหรัฐ

เครดิตบูโรแจง ไม่เกี่ยว "เบส อรพิมพ์" อดได้วีซ่าเข้าสหรัฐ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ไม่อนุมัติวีซ่าเข้าประเทศให้กับ นักพูดชื่อดัง "เบส อรพิมพ์ รักษาผล" ต่อมาเธอโพสต์เฟซบุ๊ก Best Orapim ชี้แจงว่า คาดว่าสาเหตุที่ไม่ได้รับอนุมัติวีซ่า เนื่องมาจากเธอไม่ได้ทำงานประจำ และเพิ่งทราบว่ามีชื่อติดเครดิตบูโร จากการไปร่วมกับเพื่อนซื้ออาคารและถอนตัวออกมา ซึ่งคนที่รับช่วงอาจมีปัญหาเรื่องการผ่อน จึงทำให้ติดเครดิตบูโรและมีชื่อไปเกี่ยวข้องด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : "เบส อรพิมพ์" ขอชี้แจง เหตุขอวีซ่าไม่ผ่าน อดพูดที่อเมริกา

ล่าสุด (16 พ.ย.) เฟซบุ๊ก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ได้โพสต์ข้อความว่า เครดิตบูโรแจงข้อเท็จจริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในหลักฐานการยื่นขอวีซ่าอเมริกา

16 พฤศจิกายน 2559 : นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนว่า วิทยากรบรรยายในที่สาธารณะท่านหนึ่งยื่นเอกสารต่อฝ่ายกงสุลประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อขอวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาแล้วพบว่าไม่ผ่านการพิจารณาด้วยหลักฐานทางการเงินไม่น่าเชื่อถือหรือไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำ

นอกจากนี้ เพิ่งทราบว่ามีชื่อติดเครดิตบูโร จากการที่ไปร่วมกับเพื่อนซื้ออาคารและถอนตัวออกมา คนที่รับช่วงอาจมีปัญหาในการผ่อนจึงทำให้ติดเครดิตบูโรและมีชื่อไปเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐฯ ไม่อนุมัติวีซ่าเนื่องจากพิจารณาตามหลักเกณฑ์การอนุมัติที่กำหนดไว้

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร ขอเรียนชี้แจงว่า "ทางเครดิตบูโรไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และทีมงานได้ติดต่อไปยังวิทยากรดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เครดิตบูโรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเอกสารการยื่นขอวีซ่า เนื่องจากการขอวีซ่าของสหรัฐอเมริกานั้นไม่ต้องยื่นหลักฐานแสดงรายงานข้อมูลเครดิตหรือรายงานเครดิตบูโร การพิจารณาให้ผู้ขอยื่นวีซ่าของสหรัฐอเมริกาจะมุ่งเน้นหลักฐานที่แสดงความผูกพันกับประเทศที่ผู้ขอวีซ่าที่ถือสัญชาติอยู่ หลักฐานแสดงความผูกพัน ได้แก่ เอกสารรับรองการทำงาน เอกสารทางการเงิน (รายละเอียดบัญชี) เอกสารรับรองทางการศึกษา ฯลฯ"

นายสุรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า "เครดิตบูโรมีหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลเครดิต ซึ่งมีทั้งประวัติการชำระหนี้ที่ดีและไม่ดี ตามที่สถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิกส่งให้เท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) หรือติดเครดิตบูโร อย่างที่เข้าใจผิดกัน ในเครดิตบูโรไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่า Blacklist หรือติดเครดิตบูโร แต่อย่างใดทั้งสิ้น

จริงๆ แล้ว Blacklist หรือติดเครดิตบูโร คือความรู้สึกของตัวเราเองกับสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เป็นผลร้าย สิ่งที่เป็นผลเสียต่อตัวเรา ตัวเราเองไม่อยากให้ใครเขารู้-เขาเห็น ยิ่งเป็นคนที่เรากำลังพิจารณาเรื่องของเรา คนที่กำลังพิจารณาว่าจะให้-ไม่ให้อะไรที่เราขอ คนที่กำลังพิจารณาให้คุณ-ให้โทษกับเรา สิ่งที่เป็นผลเสียนี้อาจเป็นสิ่งที่เราทำเองในอดีตจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามเช่น อยากได้เลยไปกู้มาซื้อต่อมาจ่ายเงินตามสัญญาไม่ได้เลยเกิดประวัติการค้างชำระ หรือเป็นสิ่งที่คนอื่น

เช่น ญาติพี่น้องมาทำให้เกิดในประวัติของเราเช่นใช้ชื่อเราไปกู้แล้วไม่จ่าย หวยเลยมาออกที่เรา งานเข้าที่เราเป็นต้น หรือเราเคยเล่นมาก กิจกรรมเยอะตอนเรียนเลยทำให้บางวิชาได้เกรด D ทั้งที่เรียนดีมาโดยตลอด เวลาจะไปสมัครงานก็กังวล ก็กลัวคนสัมภาษณ์จะมาเห็น-มาถาม เป็นต้น ความรู้สึกหงุดหงิด โกรธ ไม่ชอบกับสิ่งนี้คืออารมณ์ คำถามที่สำคัญก็คือ "ใครเป็นคนทำให้เกิดสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่อาจเป็นผลร้าย สิ่งที่อาจเป็นผลเสียต่อตัวเรา ต่อประวัติของเรา"พูดง่ายๆ ใครเป็นคนทำให้เรามีประวัติไม่ค่อยดีในสมุดพกพฤติกรรมของตัวเรา"

เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยซึ่งตรงกับแนวทางและแนวนโยบายของเครดิตบูโร มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเครดิตบูโร รวมถึงการสร้างเสริมวินัยทางการเงินแก่สาธารณชนกรณีดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ที่มีความประสงค์จะทำธุรกิจหรือจำเป็นต้องมีการกู้ร่วมกับบุคคลอื่น ซึ่งวินัยทางการเงินนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่มิควรละเลย

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเครดิตบูโร สามารถสอบถามหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ให้บริการปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลประวัติสินเชื่อผ่าน Call Center 0-2643-1250 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. หรือ อีเมล consumer@ncb.co.th หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.ncb.co.th

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook