สาวโรงงานทิ้งเงินเดือน กลับบ้านเลี้ยงกุ้งก้ามแดง ยึดแนวทางพ่อหลวง

สาวโรงงานทิ้งเงินเดือน กลับบ้านเลี้ยงกุ้งก้ามแดง ยึดแนวทางพ่อหลวง

สาวโรงงานทิ้งเงินเดือน กลับบ้านเลี้ยงกุ้งก้ามแดง ยึดแนวทางพ่อหลวง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(21 พ.ย.) พบสาวเมืองโคราชพลิกชีวิต จากอดีตพนักงานบริษัทเอกชน เงินเดือนกว่า 50,000 บาท ลาออกจากงานมาเลี้ยงกุ้งก้ามแดงอยู่บ้านเกิดกับแม่ เพียง 1 ปี สร้างรายได้แซงเงินเดือนเดิมอย่างน่าทึ่ง

เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นางสาวจิรภัทร ชีโพธิ์ อายุ 48 ปี ซปัจจุบันอาศัยอยู่ ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และได้ใช้พื้นที่ข้างบ้านประมาณ 60 ตารางวา ทำเป็นฟาร์มเลี้ยงกุ้งก้ามแดงแบบพอเพียง มีบ่อซีเมนต์ขนาด 2x2 เมตร สำหรับเลี้ยงกุ้งพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ 3 บ่อ และมีกะละมังพลาสติกขนาดใหญ่ สำหรับเลี้ยงกุ้งอนุบาลอยู่ประมาณ 20 ใบเท่านั้น

นางสาวจิรภัทร เล่าให้ฟังว่า ในอดีตตนนั้นเป็นสาวโรงงานผลิตกระดาษ ชานเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องทำงานหนักมาก แต่ก็มีรายได้สูงด้วยเช่นกัน โดยเงินเดือนล่าสุดคือกว่า 50,000 บาท แต่ด้วยความที่เป็นห่วงแม่ ที่อยู่บ้านเพียงลำพัง หลังจากที่พี่สาวได้ย้ายไปเป็นครูอยู่ที่ต่างอำเภอ ตนจึงได้ตัดสินใจลาออกจากงานเมื่อช่วงปลายปี 2557 แล้วเก็บกระเป๋ากลับบ้านมาดูแลแม่

ในช่วงแรกมีเวลาว่างมาก จึงได้ลองศึกษาวิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง หรือ กุ้งเครฟิช หรือ กุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงนำเข้ามาจากต่างประเทศ และทดลองเพาะเลี้ยงศึกษาที่โครงการหลวงดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ จนกลายเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน โดยศึกษาทั้งจากอินเตอร์เน็ต และหนังสือต่างๆ

กระทั่งเดือนตุลาคม 2558 ก็ได้เริ่มลงทุนครั้งแรก ใช้เงินประมาณ 8,000 บาท ซื้ออุปกรณ์ กะละมังผสมปูน ใบละ 400 บาท จำนวน 4 ใบ ซื้อลูกกุ้งตัวขนาด 1 ซ.ม. ตัวละ 25 บาท จำนวน 200 ตัว และซื้อเครื่องปั๊มออกซิเจน จำนวน 1 เครื่อง รวมทั้งอาหารและอุปกรณ์เสริมอีกเล็กๆ น้อยๆ

พอทำมาได้ประมาณ 2 เดือน กุ้งตายไปเพียง 20 ตัวเท่านั้น เหลือชีวิตรอดอยู่ทั้งหมด 180 ตัว จึงเก็บไว้เป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ หลังจากนั้นเมื่อกุ้งเหล่านี้มีอายุ 4 เดือน ก็เริ่มออกไข่ ทำให้ได้ลูกกุ้งเพิ่มขึ้นนับหมื่นตัว จึงเริ่มประกาศขายลูกกุ้งในเฟซบุ๊ก ขนาดตัว 1 นิ้ว ราคาตัวละ 20 บาท ปรากฏว่ามีคนสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก

ทำให้ตนเห็นโอกาสทำเงินในทันที จึงตัดสินใจใช้เงินประมาณ 80,000 บาท ทำฟาร์มกุ้งข้างบ้านอย่างจริงจัง และสามารถคืนทุนได้ภายใน 6 เดือน ปัจจุบันผ่านมาครบ 1 ปีพอดี ฟาร์มกุ้งก้ามแดงของตนสามารถเพาะพันธุ์กุ้งขาย มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปแล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 80,000 - 100,000 บาท และที่น่าแปลกใจคือเพาะพันธุ์ได้เท่าไหร่ ก็ไม่พอกับออเดอร์ที่สั่งเข้ามา ที่ต้องให้กับพ่อค้า 3 เจ้าเท่านั้น จาก จ.สระแก้ว จ.สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพมหานคร ส่วนเจ้าอื่นที่ติดต่อมาก็งดรับไว้ก่อน

สำหรับเคล็ดลับการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องอาศัยใจที่รักด้วย เพราะเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีราคาสูง จึงต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์นั้น ถ้าเลี้ยงดีๆ จะให้ผลผลิตคุ้มค่ามาก แม่พันธุ์ 1 ตัว สามารถออกไข่ได้ลูกไม่ต่ำกว่า 800 ตัวต่อครั้ง ซึ่งที่ฟาร์มของตนจะขายเฉพาะลูกกุ้ง ถ้าเป็นลูกกุ้งอายุประมาณ 1 สัปดาห์ จะขายตัวละ 10 บาท อายุ 3 สัปดาห์ มีขนาดลำตัวยาว 1 นิ้ว ขายตัวละ 20 บาท อายุ 45 วัน ขนาดลำตัว 2.5 นิ้ว ขายตัวละ 100 บาท และอายุตั้งแต่ 3 เดือน มีขนาดลำตัว 3 นิ้วขึ้นไป

ถ้าเป็นตัวเมีย จะขายได้ราคาสูงถึงตัวละ 300 บาท ส่วนตัวผู้ราคาตัวละ 50 บาท สำหรับวิธีเลี้ยงนั้น ตนก็จะทำบ่อซีเมนต์ขนาดกว้างคูณยาว 2 เมตร แต่ละบ่อใส่กุ้งพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ลงไปจำนวน 110 ตัว แบ่งเป็นตัวผู้ 30 ตัว ตัวเมีย 80 ตัว มีสายให้ออกซิเจน 3 จุด ตัดท่อพีวีซีเป็นท่อนๆ ขนาดยาว 5 นิ้ว เพื่อให้กุ้งเข้าไปหลบซ่อนตัว ใส่ผักบุ้ง และแหนแดง เพื่อบังแดดและเป็นอาหาร

ส่วนอาหารก็ให้อาหารกุ้งทั่วไปตามท้องตลาด ข้างๆ บ่อก็ใส่ใบหูกวางแห้งลงไป เพื่อเป็นยารักษาแผลกุ้ง และใส่เศษผ้าลงไปเพื่อให้เป็นที่ลอกคราบของกุ้ง หมั่นถ่ายน้ำออกเดือนละ 1 ครั้ง เมื่อแม่พันธุ์ออกไข่ ก็จับแยกไปลงถังน้ำ เพื่อให้ออกลูก เฉลี่ยแม่พันธุ์ 1 ตัว ให้ลูกได้ประมาณ 700-800 ตัว ต่อ 1 ครั้ง หลังจากลูกกุ้งคลานได้แล้ว ก็แยกลงกะละมังตามขนาด สามารถนำไปขายได้ทันที

จากการตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาทำอาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามแดงขาย เป็นเวลา 1 ปี ปัจจุบันตนก็ได้ใช้ชีวิตอิสระ อยู่ที่บ้านดูแลแม่ที่อายุมากแล้ว ซึ่งเป็นชีวิตที่มีความสุขมาก เพราะแต่ละวันก็พาแม่มาดูแลฟาร์มกุ้ง มีเวลาว่างพาแม่ไปเดินห้างสรรพสินค้า ซื้อของกินของใช้ ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องใช้ชีวิตรีบเร่งอยู่กับงานเหมือนอดีตแล้ว

ตนถือว่าเป็นบุญที่ได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพ่อหลวงโดยการนำกุ้งก้ามแดง ที่พระองค์ทรงนำมาวิจัยไว้เมื่อในอดีต มาเลี้ยงเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว นับว่าพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อครอบครัวของตนเองอย่าหาที่สุดมิได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook