คิมเบอร์ลี่ เปิดใจครั้งแรก หลังสูญเสียคุณพ่ออย่างกะทันหัน
เป็นหนึ่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ กับการจากไปของ "ดร.ฮันส์ โยอาคิม ฟลีดาริช โวลเทมัส" คุณพ่อของนางเอกสาว "คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมสิริ" หลังจากได้เข้ารับการรักษาเส้นเลือดใหญ่ที่หัวใจแตกที่ช่องท้อง ซึ่งหลังจากผ่าตัดแล้วได้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในกระแสเลือด และได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ล่าสุดในวันนี้ (2 ธันวาคม) คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมสิริ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนครั้งแรก โดยเจ้าตัวได้เผยให้ฟังว่า....
เล่าย้อนเหตุการณ์ก่อนคุณพ่อเสียให้ฟังอีกครั้ง?
"ย้อนกลับไปคืนวันที่ 7 พ.ย. คุณพ่อก็เริ่มเจ็บหลังและช่วงขาหนีบมากๆ จนตัวซีดและเหงื่อแตก เลยพาไปส่งโรงพยาบาล คุณหมอได้ดูจากอาการแล้วน่าจะมีเลือดออกในช่องท้อง เช้าวันที่ 8 พ.ย. เลยต้องผ่าตัดด่วนประมาณตี 4-5 เพราะเส้นเลือดแดงใหญ่ของหัวใจแตกในช่องท้อง เป็นการผ่าตัดใหญ่มากเพราะใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมง จนอาการเริ่มดีขึ้น เริ่มคุยได้ แต่ก็มาติดเชื้อในกระแสเลือด"
ก่อนหน้านี้คุณพ่อมีอาการป่วยหรือไม่สบายมาก่อนไหม?
"จริงๆ คุณพ่อเป็นเบาหวานค่ะ และมีเส้นเลือดตีบมาก่อนแต่ก็รักษาจนหาย แต่นี่เป็นอีกโรคนึงที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ว่าการปวดหลังมันเกี่ยวกับหัวใจตรงไหน"
ที่ผ่านมาไม่ได้มีอาการเตือนเกี่ยวกับหัวใจเลยใช่ไหม?
"ไม่ได้เกี่ยวกับหัวใจเลย คือพ่อปวดหลังอย่างเดียว เราก็เลยพาไปกายภาพบำบัดแต่ก็ไม่ได้เจอว่าเป็นโรคอะไร พอติดเชื้อในกระแสเลือดก็เริ่มทรุด จนถึงเช้าวันที่ 26 พ.ย. เขาก็รอให้ลูกๆ ทุกคนมาจนครบ เราก็อยู่และจับมือเขาจนวินาทีสุดท้าย"
ตอนนั้นคุณหมอมาบอกว่าอาการของคุณพ่อไม่มีทางรักษาหายให้แล้วหรือยังไง?
"ค่ะ เพราะว่าเชื้อค่อนข้างเข้าเส้นเลือดแล้วด้วย ฉะนั้นจะหายก็ยาก เพราะคุณพ่อมีแผลเยอะมากจากการผ่านตัด บวกกับท่านเป็นเบาหวาน ไตวาย คือระบบภายในเริ่มล้มเหลว และท่านก็ค่อยๆ ไปอย่างสงบนิ่ง"
ก่อนผ่าตัดคุณพ่อหมอได้บอกถึงความเสี่ยงในการรักษายังไงบ้าง?
"เขาก็บอกว่า 90% เสียชีวิต อีก 10% คือรอด ตอนนั้นคิมไม่ได้ทำใจไว้เลย เพราะคิดว่าต้องมีปาฏิหาริย์ เนื่องจากคุณพ่อได้รอดจากการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกมาแล้วมันก็คือปาฏิหาริย์ที่สุดแล้ว เลยคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว แต่ก็โชคร้ายค่ะ"
วินาทีที่อยู่บนห้องกับคุณพ่อก่อนท่านจะเสีย เราได้พูดอะไรกับท่านบ้าง?
"ตอนตีสี่ครึ่งพี่ชายโทรมา เพราะถึงเวรต้องเฝ้าคุณพ่อหน้าห้องซีซียู เขาบอกให้รีบมาเพราะคุณพ่อมีไข้ขึ้นสูง ความดันเริ่มตก เราก็เลยรีบไปและรีบพุ่งเข้าไปหาคุณพ่อเลย และก็ถามท่านว่า How are you? เจ็บไหม? Are you ok? ซึ่งพ่อก็พยักหน้า เราก็เลยรู้ว่าท่านไม่เจ็บ จากนั้นพี่ๆ ก็เข้ามาทีละคน"
ผ่านมาหลายวันแล้ว ตอนนี้สภาพจิตใจเราเป็นอย่างไรบ้าง?
"ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ก็จะมีบางวันที่ขึ้นๆ ลงๆ คือคิดถึงมาก เพื่อนๆ ในวงการก็มาให้กำลังใจกันเยอะ คือที่ทุกวันนี้อยู่ได้เป็นเพราะกำลังใจจากทุกคน จากแฟนคลับ จากคนรอบข้าง จากพี่น้อง"
หลายคนสงสัยทำไมเราประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ ทั้งที่คุณพ่อเป็นฝรั่ง?
"คุณลุงได้คุยกับคุณพ่อมานานแล้ว และคุณพ่อเคยพูดไว้ว่าอยากจะทำพิธีแบบง่ายๆ อย่างศาสนาพุทธครึ่งหนึ่ง และพอเสร็จตรงนี้ก็จะไปลอยอังคารที่ทะเลส่วนหนึ่ง และอีกส่วนก็จะนำไปเก็บที่เยอรมันตรงที่เป็นสุสานของตระกูล คือต้องไปทำพิธีที่นู่นอีกรอบหนึ่ง ตั้งใจว่าหลังจากลอยอังคารที่สัตหีบแล้วก็จะบินไปเลย"
ได้บอกหรือสัญญาอะไรกับคุณพ่อไว้บ้างไหม?
"ก็ได้บอกว่าไม่ต้องห่วงอะไรนะ เดี๋ยวลูกๆ จะช่วยดูแลกันและกัน คือเราก็ทันได้คุยกับท่าน ซึ่งท่านก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้ากับส่ายหน้าได้อย่างเดียว"
สุดท้ายมีอะไรอยากฝากถึงเพื่อนๆ ในวงการหรือแฟนคลับที่เป็นห่วงสภาพจิตใจเราอยู่บ้างไหม?
"ถ้าเทียบกับวันแรกๆ ก็ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ ก็ขอบคุณกำลังใจกับทุกคน จากเพื่อนสนิท จากครอบครัวคิมเอง และจากคนรอบข้างที่รักคิม"
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ