ตุ๊ก พร้อมเคลียร์ ภาพถ่ายควงหนุ่มเที่ยวนิวยอร์ก?
จบจากทริปต่างประเทศปุ๊บก็มีเรื่องให้เคลียร์ปั๊บ สำหรับคุณแม่ลูกสอง “ตุ๊ก ชนกวนันท์” หลังชาวโซเชียลตั้งข้อสงสัยว่าหนุ่มหล่อที่เจ้าตัวถ่ายรูปคู่ด้วยในอินสตาแกรมนั้นใช่หวานใจคนใหม่หรือเปล่า โดยงานนี้สาวตุ๊กได้ออกมาเผยว่า จริงๆ แล้ว หนุ่มคนดังกล่าวเป็นน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง ซึ่งมีอายุห่างกันเพียงหนึ่งปี ไม่ใช่หวานใจคนใหม่อย่างที่หลายคนสงสัย แถมตอนนี้หัวใจก็ยังโสดสนิทอีกด้วย
ส่วนทางอดีตสามี “บ๊วย เชษฐวุฒิ” ทุกวันนี้ก็ยังคงให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและการใช้ชีวิตของลูกทั้งสองเป็นปกติ แต่ในส่วนของผ่อนบ้านนั้น หากอีกฝ่ายมีเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมเมื่อไหร่ ก็คงจะส่งมาช่วยเหลือเอง
เรื่องหัวใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
“ยังค่ะ อย่าถามสิคะ พูดแล้วก็น้อยใจ เวลาที่ต้องตอบว่าไม่มีมันก็อายนะ (หัวเราะ)”
ล่าสุดเห็นเพิ่งไปเที่ยวต่างประเทศมาด้วย?
“ใช่ค่ะ เพิ่งกลับมาเมื่อวานเลยค่ะ ทริปที่ไปมาคือนิวยอร์ก ไปกันประมาณสิบวัน สามคนพี่น้อง ถือเป็นการได้ใช้เวลาร่วมกันของครอบครัว ซึ่งทริปนี้ลูกๆ ไม่ได้ไปด้วย เพราะน้องชายกับน้องสาวขอไว้ เขาคงอยากไปชิวๆ มากกว่า จะได้คล่องตัว”
พอต้องห่างลูกนานๆ เป็นห่วงเขาบ้างไหม?
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ ที่รู้สึกคิดถึงเขามาก ก็แปลกเหมือนกันเพราะปกติไม่ค่อยเป็น ซึ่งตุ๊กคิดถึงมากจนร้องไห้เลยค่ะ ร้องตั้งแต่วันแรกๆ ที่ไป จนตอนนี้มานั่งคิดว่าจะมีอีกไหมทริปที่เราต้องห่างลูกไปอีก”
อย่างภาพที่ออกมา หลายๆ คนสังเกตเห็นว่ามีหนุ่มๆ ด้วย เลยทำให้สงสัยว่าจะใช่คนพิเศษหรือเปล่า?
“น้องชายไงคะ ตุ๊กบอกแล้วว่าไปกันสามคนพี่น้อง เป็นน้องชายแท้ๆ เลย อายุห่างกันแค่ปีเดียว จริงๆ คนก็รู้เยอะนะ แต่ถ้าจะมีคนเข้าใจผิดก็ถือว่าเป็นสีสันไป”
ช่วงที่เราไปเที่ยวใครเป็นคนดูแลลูกให้?
“อาม่าเป็นคนดูแล ส่วนช่วงเสาร์อาทิตย์พี่บ๊วยจะเป็นคนดูให้รวมถึงช่วงหยุดยาวด้วย ซึ่งตอนที่ตุ๊กเฟสไทม์หาลูก ลูกแทบจะไม่สนใจตุ๊กเลยนะ เขาจะสนใจแต่กับคุณพ่ออย่างเดียว แต่ตอนที่ตุ๊กเฟสไทม์หาลูกก็มีหลุดร้องไห้เหมือนกัน ซึ่งพอน้องแพรวเห็นก็ร้องไห้ไปด้วย”
ขออัพเดตเรื่องการผ่อนบ้าน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
“ตอนนี้ก็ยังผ่อนไปตามปกติค่ะ ตามดอกเบี้ยแบงค์แต่ละเดือน แต่ถามว่าเหลือเท่าไหร่แล้วนั้นก็ประมาณอีกสัก 8-9 ปีค่ะ ซึ่งก็น่าจะอยู่ในวัยทำงานของเรา ส่วนเรื่องยอดเงินถ้าจะให้นับจริงๆ ก็ไม่เยอะมากนะคะ เพราะถ้าเอายอดเงินตรงนั้นไปซื้อบ้านใหม่ก็คงไม่ได้แล้ว ทนผ่อนต่อไปดีกว่า”
ความรู้สึกตอนนี้เบาใจขึ้นไหม?
“อย่างที่บอกค่ะ มันยังอยู่ในช่วงที่เราทำงานได้ ยังไงก็คิดว่าน่าจะรอด ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเลย เพราะยิ่งถ้ากังวลมันก็จะยิ่งไม่มีกำลังใจในการทำงาน ดังนั้นตุ๊กขออยู่กับปัจจุบันดีกว่า ทำงานได้ก็ขอทำต่อไป”
หลายคนมองว่าพี่บ๊วยเปิดร้านใหม่แล้ว เขาก็น่าจะมาช่วยแบ่งเบาในเรื่องค่าใช้จ่าย?
“อย่างที่บอกค่ะ ตุ๊กยังทำงานได้ และพี่บ๊วยเองเขาก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว เขายังมีครอบครัวที่ต้องดูแลเหมือนกัน เอาไว้ถ้าเขาสะดวกและเขามีเพียงพอ เขาก็คงช่วยเหลือเอง ซึ่งตอนนี้ก็ต่างคนต่างดูแลตัวเองค่ะ”
แสดงว่าตอนนี้เราผ่อนอยู่คนเดียว?
“ใช่ค่ะ เพราะตุ๊กต้องผ่อนไว้ให้ลูกด้วย แถมบ้านหลังนี้เราก็อยู่กันเอง”
ในส่วนของค่าใช้จ่ายลูก เขาได้มีมาช่วยเหลือเพิ่มเติมไหม?
“ยังค่ะยัง แต่เราก็ยังอยู่กันได้ เด็กๆ ไม่ได้ใช้อะไรเยอะมาก แต่เรื่องค่าเทอมพี่บ๊วยเขาก็ดูแลมาตั้งแต่แรกนะคะ และก็ยังดูแลมาตลอด”
ทางฝั่งเราเองยังทำงานหนักอยู่หรือเปล่า?
“ก็มีทำเป็นช่วงๆ ค่ะ ไม่ได้หนักมากมายอะไร ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อเดือนของตุ๊กถ้ารวมๆ ทั้งหมดก็คงเป็นหลักแสนค่ะ เพราะมีทั้งค่าผ่อนบ้าน ค่านู้นนี่อีกเยอะแยะ แต่มันก็ต้องอยู่ในจำนวนที่น้อยกว่ารายได้ เพราะถ้ามันมากกว่ารายได้เมื่อไหร่เราต้องมาปรับการใช้ชีวิตของเราแล้ว ส่วนบ้านถ้าผ่อนไมได้เมื่อไหร่เราก็ขาย”
หนักไหมสำหรับผู้หญิงคนเดียว?
“ก็ไม่ได้เบาค่ะ แต่อย่างที่บอกยังไหวอยู่ ถ้าถามว่าทำใจเผื่อไหมเรื่องการผ่อน ก็ทำใจค่ะ แต่เราเชื่อว่าเราทำได้”
เราเริ่มใจอ่อนแล้วหรือยัง หากมีคนติดต่อจะให้ลูกเข้าวงการ?
“ตอนนี้ตุ๊กยังทำไหวค่ะ ของทำเองก่อน ตุ๊กมองว่าวัยเด็กของลูกเป็นอะไรที่สำคัญ อยากให้เขาได้ใช้ชีวิตวัยเด็กเต็มที่ ถามว่าน้องสนใจไหมก็ดูจะสนใจนะคะ ดูชอบ แต่ถ้าให้เขาจริงๆ มันคงยังไม่ใช่ความสุขล้วนๆ”
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ