ผู้ว่าฯสั่งจนท.สอบข้อมูลเจ๊ดาว เจ้าอาวาสวัดชื่อดังเมืองลำพูล
ผู้ว่าฯลำพูน เผย สั่งจนท.ตรวจสอบข้อมูล เจ๊ดาว เจ้าอาวาสวัดชื่อดังเมืองลำพูน พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ขั้นแปลงเพศจับหนุ่ม ขีดเส้น 1 เดือนรู้ผล ด้านผอ.สำนักพุทธศาสนา จ.ลำพูน ระบุ ยังหาพระแปลงเพศไม่พบ ยอมรับมีพระถูกจับสึกหลายครั้ง แต่เป็นเรื่องหนีเที่ยว
(6ก.พ.) นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบพระผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ถึงขั้นแปลงเพศ และออกไปเที่ยวเตร่กับเด็กหนุ่มๆตามสถานบันเทิงทั้งใน จ.ลำพูน และ จ.เชียงใหม่ จนรู้กันดีในชื่อ "เจ๊ดาว" ว่า ได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และฝ่ายต่างๆตรวจสอบข้อมูลแล้ว เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งได้ประสานไปยังประธานชมรมดูแลพระพุทธศาสนาเชียงใหม่ เพื่อขอข้อมูลมาตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย คาดว่าภายในเดือนนี้จะทราบผล หากพบว่ามีพระผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมตามที่เป็นข่าว ก็ต้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎของมหาเถระสมาคม คือ ต้องสึกออกจากการเป็นพระ
ทั้งนี้ยอมรับว่า การตรวจสอบเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะกรณีที่อ้างว่า มีการแปลงเพศด้วย การเข้าไปขอตรวจสอบร่างกาย อาจเป็นการละเมิดสิทธ์ส่วนบุคคล จึงต้องหาข้อมูลมาประกอบว่า มีการแปลงเพศเมื่อไหร่ ทำที่ไหน และทำก่อนหรือหลังการบวชเป็นพระ
"ผมยังไม่ได้เข้าตรวจสอบที่วัดดังกล่าวด้วยตัวเอง เพราะเป็นการไม่เหมาะสม และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย ถ้าอยู่ดีๆเข้าไปตรวสอบ เหมือนกับเราเชื่อแล้วว่า ท่านมีพฤติกรรมตามที่เป็นข่าวจริง แต่ผมได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทางลับเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากมีข้อมูลระบุว่า ที่ผ่านมาพระรูปดังกล่าวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม" นายดิเรก กล่าว
อย่างไรก็ตาม อยากขอให้ผู้ที่ออกมาให้ข่าวหรือมีข้อมูล มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม หากไม่ประสงค์แจ้งชื่อหรือขอปกปิดเป็นความลับเพราะกลัวจะได้รับอันตราย ทางราชการก็พร้อมจะดูแลคุ้มครองพยานอย่างเต็มที่
ด้านนายสุรชัย ขยัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนจังหวัดา (พศจ.) ลำพูน กล่าวว่า ขณะนี้ได้เข้าไปตรวจสอบและรายงานให้ผู้ว่าฯ และเจ้าคณะจังหวัดทราบ พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามพฤติกรรมของพระในวัดที่มีการร้องมาแล้ว แต่ข้อมูลที่ได้มาตอนแรกเบื้องต้นได้ตรวจสอบแล้วคงไม่ใช่ ดังนั้นคงต้องหาข้อมูลต่อไปว่าเป็นรูปที่ว่าหรือไม่
ส่วนที่มีการระบุว่าเป็นวัดศรีบุญเรือนนั้น ผอ.พศจ.ลำพูน กล่าวว่า จากที่ได้รายชื่อและตรวจสอบเมื่อวานไม่ใช่วัดดังกล่าว ซึ่งวันนี้จะไปตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากข้อมูลที่ได้มาเป็นแค่ฉายา แต่ไม่มีรูปถ่าย จึงได้แต่สอบถามบุคคลข้างเคียง และต้องหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งจากสาธารณสุข เช่น การแปลงเพศ และจากทางตำรวจว่ามีข้อมูลพระที่เกี่ยวข้องที่เราสงสัยหรือไม่ เนื่องจากเราไม่มีรูปภาพที่ชัดเจน และไม่มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร มีเพียงการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์แต่ไม่ได้ระบุชื่อที่ชัดเจน
สำหรับโทษนั้น กรณีนี้คงเป็นโลกะวัชชะ คือ โลกติเตียน ซึ่งคงต้องสอบถามเจ้าคณะจังหวัดว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนจะถึงขั้นปาราชิก ก็อยู่ที่เจ้าคณะจังหวัดเช่นกัน ส่วนการดำเนินการอื่นๆ ขึ้นอยู่กับกระบวนการหลังจากสึกไปแล้ว
ส่วนที่มีการระบุว่ามีพระผู้ใหญ่ระดับสังฆาธิการไม่ต่ำกว่า 4 วัด ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศนั้น ผอ.พศจ.ลำพูน กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็มีการจับสึกไปแล้วหลายครั้ง แต่ส่วนมากเป็นการหนีเที่ยวกลางคืน แล้วเจออุบัติเหตุจนด้วยหลักฐาน ส่วนการแปลงเพศนั้นยังไม่เจอ