สินค้ามือสองแบกะดิน ยกชั้นสู่...บ้านรองเท้า ถูกใจคนซื้อยุคประหยัดตังค์

สินค้ามือสองแบกะดิน ยกชั้นสู่...บ้านรองเท้า ถูกใจคนซื้อยุคประหยัดตังค์

สินค้ามือสองแบกะดิน ยกชั้นสู่...บ้านรองเท้า ถูกใจคนซื้อยุคประหยัดตังค์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โดย สุเมธ วรรณพฤกษ์

ในยุคประหยัดกับธุรกิจเล็กๆ ร้าน บ้านรองเท้า ในอาคารพาณิชย์ ขนาด 2 คูหา บนถนนกลางเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น จากสินค้าแบกะดินตามริมฟุตบาท ปรับทำเล ยกชั้นสู่ร้านค้ารองเท้ามือสอง มีให้เลือกหลากยี่ห้อและทุกประเภท จัดวางบนชั้นอย่างเป็นสัดส่วนกว่า 3,000 คู่ ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตาในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด

"อนัญญา นุสีวอ" เจ้าของร้านบ้านรองเท้าเล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยทำธุรกิจ ส่วนตัวมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขายเสื้อผ้า ขายเครื่องประดับแฟชั่น รวมถึงเป็นตัวแทนขายประกัน สุดท้ายตัดสินใจเลือกทำธุรกิจขายรองเท้ามือสอง เพราะมองว่ารองเท้าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ยิ่งสินค้าของดีมียี่ห้อแต่ราคาถูกน่าจะเป็นจุดขายที่ดีในภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้

กว่า 4 ปีเริ่มจากวางรองเท้าขายตามริมฟุตบาท หน้าสนามกีฬากลาง จ.ขอนแก่น แต่การขนเคลื่อนย้ายทุกวันทำให้สินค้าเกิดการชำรุดเสียหาย คุณภาพของสินค้าลดลงจึงตัดสินใจหาทำเลเพื่อขายรองเท้ามือสองเพียงอย่างเดียว เริ่มจาก 1 คูหา ต่อมาไม่ถึงปีก็ขยายกิจการเป็น 2 คูหา กลุ่มลูกค้ามีทั้งกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มคนในวัยทำงาน และลูกค้าทั่วไป

รองเท้าส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์ โดยมีเส้นทางขนส่งทางเรือ ผ่านเข้ามาทางกัมพูชา พ่อค้ากลุ่มแรกที่รับซื้อแบบยกลอตจะนำมาคัดเกรด แบ่งประเภทตามชนิดของรองเท้า จากนั้นจะนำมาวางขายที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

หลังจากซื้อมาครั้งละประมาณ 400-500 คู่ก็จะนำมาทำความสะอาดซ่อมแซมอีกครั้ง เช่น เปลี่ยนสายรองเท้า เปลี่ยนพื้นรองเท้าที่สึก จากนั้นจึงนำมาวางโชว์ตามชั้นแยกประเภท อาทิ รองเท้าวิ่ง รองเท้าฟุตบอล รองเท้าตีกอล์ฟ รองเท้าฟุตซอล และรองเท้าบาสเกตบอล รวมถึงรองเท้าบูต รองเท้าเด็ก และรองเท้าแฟชั่นสวยงามของสุภาพสตรีโดยเน้นขายปลีกไม่มีการขายส่ง

เธอบอกว่าช่วงที่ขายดีจะเป็นฤดูหนาวและฤดูร้อน ประมาณเดือนตุลาคมข้ามไปถึงเดือนพฤษภาคมของปีถัดไป ซึ่งลูกค้ามีความต้องการใช้รองเท้าและเปลี่ยนรองเท้ากันมากกว่าในช่วงฤดูฝน

สำหรับรูปแบบและราคาของรองเท้านั้น แต่ละเดือน จะพยายามหารองเท้าแบบใหม่ๆ หมุนเวียนเข้ามาในร้านอยู่เสมอ ทั้งรูปแบบ และสีสันตามสมัยนิยม ส่วนการตั้งราคาขายจะไม่สูงมาก ดูจากต้นทุนว่าซื้อมาเท่าไหร่ อาจบวกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย มีราคาตั้งแต่คู่ละ 129 บาท จนถึงราคาคู่ละเกือบ 2,000 บาท ตามแต่ชนิดและคุณภาพของรองเท้า ซึ่งมีลูกค้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่หมุนเวียนเข้ามาเดินดูสินค้าทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเย็นหลังเลิกงานแล้วและในช่วงวันหยุดราชการ

การปรับตัวจากร้านริมฟุตบาทมาขาย ในร้านนั้น สามารถเปิดขายได้นานกว่าการขายตามริมฟุตบาท โดยบางวันเปิดขายจนถึงเวลา 22.00 น. ทำให้ลูกค้าเดินเลือกซื้อสินค้าในร้านได้สะดวก เพราะมีชั้นวางโชว์สินค้าชัดเจน และสามารถเลือกและจัดชั้นวางรองเท้าได้อย่างเป็นสัดส่วน หาง่ายลูกค้าหยิบจับและลองได้อย่างสะดวกอีกด้วย

สำหรับยอดขายที่ผ่านมาในปี 2551 ขายได้เฉลี่ยเดือนละ 1,000-1,500 คู่ ซึ่งยอดขายลดลงประมาณร้อยละ 20 เทียบกับปี 2550 เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจคนพากันรัดเข็มขัด แต่รองเท้ามือสองก็ยังมีโอกาสขายได้เนื่องจากสามารถนำรองเท้ากลับมาเปลี่ยนใหม่ได้ตามเงื่อนไขของร้าน

เจ้าของบ้านรองเท้าทิ้งท้ายว่า ในยามเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้เธอเองก็ต้องปรับตัว คือ เน้นการลดต้นทุน จากเดิมที่เคยเดินทางไปซื้อรองเท้าที่ตลาดโรงเกลือ เดือนละ 2 ครั้ง ก็ปรับลดลงเป็นครั้งเดียว แต่เพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าในแต่ละเที่ยวให้มากขึ้น พยายามเฟ้นหาสินค้าให้ตรงกับความต้องการลูกค้า

แม้ที่ผ่านมายอดขายจะลดลง แต่ก็เชื่อว่าในยุคที่ทุกคนต่างประหยัดค่าใช้จ่าย การใช้รองเท้ามือสองสภาพดีที่ไม่ต่างจากรองเท้าคู่ใหม่และมีราคาถูก ย่อมเป็นทางเลือกและโอกาสที่จะมีลูกค้าและยอดขายมากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน

"รองเท้า...มือสอง" อาจเป็นอาชีพที่หลายคนมองข้าม แต่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและเน้นย้ำในความประหยัด กลับเป็นโอกาสของรองเท้ามือสองที่กำลังเดินสวนกระแสกลายเป็นธุรกิจที่น่าจับตา เมื่อมีลูกค้าเดินเลือกซื้อหาเพิ่มจำนวน มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สินค้า "แบกะดิน" ที่ธรรมดา พัฒนาเป็น "บ้านรองเท้า" ธุรกิจเล็กๆ ที่ทำเงินหล่อเลี้ยงหลายชีวิต ในเมืองขอนแก่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook