รวบ หมอสุพัฒน์ หนีโทษประหาร คดีฆ่าฝังดินคนงานเมียนมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (20 ธ.ค.) ทางการเมียนมา ได้ควบคุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ที่หลบหนีคำพิพากษาประหารชีวิตของศาลจังหวัดเพชรบุรี ไว้ได้แล้ว หลังหลบซ่อนตัวไปอยู่ที่เมียนมา โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อขอตัวกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อพ.ศ. 2555 นายสว่าง นุ่มจุ้ย เจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี และ น.ส.วิมล บุตรสาวได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ว่าพบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีเทา ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ลูกชายและลูกสะใภ้ที่หายไปพร้อมรถยนต์นานกว่า 3 ปี จอดอยู่ที่บ้านร้างของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ จ.นนทบุรี
ต่อมามีการสืบสวนขยายผลตรวจค้นบ้านพักในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พบโครงกระดูกมนุษย์ 3 รายถูกฝังอยู่โดย 1 ในนั้นมีร่องรอยกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ เมื่อตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอแล้ว พบว่าเป็นโครงกระดูกของนายอีต้า แรงงานชาวเมียนมาที่สูญหายไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามตัว และจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก่อนแจ้ง ข้อกล่าวหา 3 คดีคือค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพ โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอประกันตัวสู้คดี โดยเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลเพชรบุรีนัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่น แต่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้มาศาล ทั้งยังไม่ได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วยเหตุใด ศาลจึงออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราวจำนวน 3 ล้านบาท และอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย
ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งของโจทก์และจำเลย รวมทั้งพยานคือนายสรพงษ์ หรือกะลา และนายโย่ง ชาวพม่า คนงาน ในไร่พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกันว่า เหตุการณ์ฆาตกรรมนายอีต้า เกิดเมื่อประมาณเดือน ก.พ.2547 เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจที่นายอีต้าสนิทสนมกันนางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของตนเอง จึงให้นายกะลาจับกุมนายอีต้าไปไว้ในไร่แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อนขุดหลุมฝัง โดยมีนายเอกร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนนายโย่งหลบหนีมาได้
ทั้งนี้ ศาลพิจารณา ว่าคำให้การของนายอีต้าและนายโย่งสอดคล้องกัน ซึ่งผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์พบว่า กะโหลกที่ขุดพบในจุดที่นายกะลาชี้ว่าฝังศพนายอีต้า มีรอยกระสุนปืนและพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน เมื่อนำกะโหลกไปตรวจสอบดีเอ็นเอเทียบกับบิดาและลูกชายนายอีต้า พบว่าตรงกัน จึงยืนยันว่าเป็นกะโหลกของนายอีต้า ที่ถูกฆาตกรรมโดยการยิงที่ศีรษะตรงกับคำให้การนายกะลา
ศาลจึงพิพากษาให้ประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และนายเอก บุตรชายข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวเมียนมาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการกระทำใดๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี ส่วนนายอัคร บุตรชายอีกคนที่ร่วมก่อคดี ขณะเกิดเหตุอายุ 19 ปีเศษ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี 3 เดือน
แฟ้มภาพจาก INN