รวบ หมอสุพัฒน์ หนีโทษประหาร คดีฆ่าฝังดินคนงานเมียนมา

รวบ หมอสุพัฒน์ หนีโทษประหาร คดีฆ่าฝังดินคนงานเมียนมา

รวบ หมอสุพัฒน์ หนีโทษประหาร คดีฆ่าฝังดินคนงานเมียนมา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (20 ธ.ค.) ทางการเมียนมา ได้ควบคุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ที่หลบหนีคำพิพากษาประหารชีวิตของศาลจังหวัดเพชรบุรี ไว้ได้แล้ว หลังหลบซ่อนตัวไปอยู่ที่เมียนมา โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อขอตัวกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อพ.ศ. 2555 นายสว่าง นุ่มจุ้ย เจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี และ น.ส.วิมล บุตรสาวได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ว่าพบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีเทา ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ลูกชายและลูกสะใภ้ที่หายไปพร้อมรถยนต์นานกว่า 3 ปี จอดอยู่ที่บ้านร้างของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ จ.นนทบุรี

ต่อมามีการสืบสวนขยายผลตรวจค้นบ้านพักในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พบโครงกระดูกมนุษย์ 3 รายถูกฝังอยู่โดย 1 ในนั้นมีร่องรอยกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ เมื่อตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอแล้ว พบว่าเป็นโครงกระดูกของนายอีต้า แรงงานชาวเมียนมาที่สูญหายไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามตัว และจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก่อนแจ้ง ข้อกล่าวหา 3 คดีคือค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพ โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอประกันตัวสู้คดี โดยเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลเพชรบุรีนัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่น แต่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้มาศาล ทั้งยังไม่ได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วยเหตุใด ศาลจึงออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราวจำนวน 3 ล้านบาท และอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย

ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งของโจทก์และจำเลย รวมทั้งพยานคือนายสรพงษ์ หรือกะลา และนายโย่ง ชาวพม่า คนงาน ในไร่พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกันว่า เหตุการณ์ฆาตกรรมนายอีต้า เกิดเมื่อประมาณเดือน ก.พ.2547 เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจที่นายอีต้าสนิทสนมกันนางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของตนเอง จึงให้นายกะลาจับกุมนายอีต้าไปไว้ในไร่แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อนขุดหลุมฝัง โดยมีนายเอกร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนนายโย่งหลบหนีมาได้

ทั้งนี้ ศาลพิจารณา ว่าคำให้การของนายอีต้าและนายโย่งสอดคล้องกัน ซึ่งผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์พบว่า กะโหลกที่ขุดพบในจุดที่นายกะลาชี้ว่าฝังศพนายอีต้า มีรอยกระสุนปืนและพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน เมื่อนำกะโหลกไปตรวจสอบดีเอ็นเอเทียบกับบิดาและลูกชายนายอีต้า พบว่าตรงกัน จึงยืนยันว่าเป็นกะโหลกของนายอีต้า ที่ถูกฆาตกรรมโดยการยิงที่ศีรษะตรงกับคำให้การนายกะลา

ศาลจึงพิพากษาให้ประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และนายเอก บุตรชายข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวเมียนมาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการกระทำใดๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี ส่วนนายอัคร บุตรชายอีกคนที่ร่วมก่อคดี ขณะเกิดเหตุอายุ 19 ปีเศษ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี 3 เดือน

แฟ้มภาพจาก INN

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook