เสื้อแเดงขวางตร.ค้นบ้านยงยุทธ หาหลักฐานคดีชิปปิ้งหมู
เสื้อแดงเชียงใหม่ต้านย้ายบิ๊กตร. หวั่นส่งเด็กคมช.คุมม็อบ "ณัฐวุฒิ"เผยระดมพลสนามหลวงก่อนเคลื่อนขบวนไปทำเนียบฯ วันประชุมครม.คาด 17 หรือ 24ก.พ."จักรภพ"ยันเสื้อแดงสู้เพื่อประชาธิปไตยเปล่าทำเพื่อใคร ตร.อุดรซ้อมสกัดม็อบปะทะม็อบ "เชียงใหม่"ตั้งเสื้อแดงเลือดใหม่ "ดีเจ ป.เป็ด"ตั้งตัวตีจากกลุ่ม"รักเชียงใหม่"
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงในนาม "กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย" ได้รวมตัวกันที่บ้าน นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองหัวหน้าพรรคพรรคพลังประชาชน ที่ ต.สันทราย อ.แม่จันทร์ จ.เชียงราย ภายหลังมีข่าวตำรวจชุดคลี่คลายคดีสังหาร นายกรเทพ วิริยะ หรือ "ชิปปิ้งหมู" จะเข้าตรวจค้น โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศเจตนารมณ์ขัดขวางการตรวจค้นบ้านให้ถึงที่สุด เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของนายยงยุทธ ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้เข้าไปรวมตัวอยู่ภายในบ้านพักของนายยงยุทธ พร้อมจัดกำลังคอยตรวจตราบุคคลเข้าออกอย่างละเอียดเพื่อป้องกันตำรวจแฝงตัวเข้าไป
เสื้อแดงเชียงใหม่ต้านย้ายบิ๊กตร. หวั่นส่งเด็กคมช.คุมม็อบ
เวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จำนวนกว่า 100 คน เดินทางไปรวมตัวกันที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 หลังจากทราบข่าวว่า อาจมีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตำรวจออกมาในเร็วๆ นี้ โดยแกนนำได้เปิดปราศัยให้กำลังใจ พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.5 ที่มีข่าวอาจโยกย้ายขึ้นดำรงตำแหน่ง ผช.ผบ.ตร ทั้งนี้ยังได้เรียกร้องไม่ให้ฝ่ายการเมืองโยกย้าย ผบก.ภ.จว.ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ระดมกำลังผ่านคลื่นวิทยุชุมชน โดยดีเจที่จัดรายการได้เปิดเพลงมาร์ชตำรวจ พร้อมกับรายงานว่า พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ซึ่งอาจมาดำรงตำแหน่งแทน พล.ต.ท.สถาพรนั้น เป็นน้องชายของผู้ใหญ่ในสาย คมช. ซึ่งเท่ากับว่าในอนาคตกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งภาคเหนือจะไม่สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือมีที่ยืนได้อย่างสะดวกและปลอดภัยอีกต่อไป
ด้านนายพรหมศักดิ์ แสงโพธิ์ ประธานสมาพันธ์คนรากหญ้าภาคเหนือ ซึ่งเคยร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มเสื้อแดง จ.เชียงใหม่ มาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ตีนตบโอท็อปมีชื่อ ได้เตรียมเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.ดอยสะเก็ด หลังจากถูกกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 บุกปิดล้อมบ้านพักบ่ายวานนี้(5 ก.พ.) หลังมีข่าวตกลงเจรจาผลิตสินค้าพื้นบ้านส่งให้กลุ่มสันติอโศก จนสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่เคยบุกไปรื้อค้นและทำลายทรัพย์สินกลุ่มสันติอโศกมาก่อนหน้านี้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด ระบุถึงการต่อสู้ของพรรคเพื่อไทย ต่อจากนี้ไปจะเป็นการต่อสู้แบบสงคราม 9 ทัพว่า เป็นการเปรียบเปรยมากกกว่าที่พรรคเพื่อไทยจะมาจัดทัพในการต่อสู้เป็น 9 รูปแบบหรือ 9 กลุ่ม เพราะขณะนี้ทุกกลุ่ม ทุกขุมกำลังของพรรคเพื่อไทยและเครือข่าย กำลังเตรียมการที่จะเคลื่อนไหวใหญ่พร้อมกันเพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์การต่อสู้เพื่อโค่นล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ และให้กระบวนการตรวจสอบรัฐบาลอภิสิทธิ์มีความเข้มข้น ให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง เพราะเมื่อเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ก็ทำให้เสียรัฐมนตรีไปทันที 1 คน ด้วยเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่น เห็นได้ว่าจริงๆ แล้วรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้แข็งแรงอะไร
"พ.ต.ท.ทักษิณ พูดชัดเจนในการโฟน อินว่า พรรคจะต้องมีความสามัคคีและทุกคนต้องสู้เพื่อรักษาประชาธิปไตย ทำให้บรรยากาศภายในพรรคเพื่อไทยกลับมาแข็งแรงเป็นปึกแผ่นมากกว่าครั้งยังเป็นพรรคใหญ่อย่างพลังประชาชน (พปช.) โดยมีพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาใหญ่" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่าว่า เบื้องต้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้หารือกันว่า จะมีการรวมตัวกันครั้งใหญ่อีกครั้งในวันอังคารใด วันอังคารหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อให้ตรงกับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะเป็นวันที่ 17 หรือ 24 กุมภาพันธ์ โดยจะชุมนุมที่ท้องสนามหลวงแล้วจะมีการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามเรียกร้อง 4 ข้อที่เคยกำหนดให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิบัติตามภายใน 15 วัน และหากรัฐบาลเพิกเฉย ก็เป็นไปได้ว่าคนเสื้อแดงจะชุมนุมยืดเยื้อ บริเวณทำเนียบรัฐบาลด้วย แต่ยืนยันจะไม่บุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลหรือบุกยึดสนามบินสุวรรรภูมิ เหมือนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแน่
ด้านนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่า กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 30 คน จะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศกัมพูชา ว่า หลายคนพยายามโยงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเข้ากับการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะคนเสื้อแดง ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้ต่อสู้เพื่อใครคนเดียวตามที่หลายคนพยายามกล่าวหา
ที่โรงแรมศิรินาถการ์เด้น อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง (เลือดใหม่) จำนวน 50 คนจาก 15 กลุ่มในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือ คือ เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง แถลงข่าว จัดงานความจริงวันนี้ที่เชียงใหม่ "แดงทั้งแผ่นดินเหนือ" ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีในวันที่ 21 กุมภาพันธ์
นายณรงค์ศักดิ์ มณี หรือ เป๋ คลองเตย แกนนำกลุ่มเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า แกนนำรายการความจริงวันนี้กรุงเทพฯ ทั้งนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ได้ตอบรับที่จะมาร่วมกิจกรรม โดยคาดว่าจะมีคนเสื้อแดงมาร่วมไม่ต่ำว่า 20,000-50,000 คน เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเป็นภาษาคำเมืองจกาต่างประเทศด้วย นอกจากนี้กลุ่มยังมีมติจัดกิจกรรมสัญจรหาทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดความจริงสัญจรตามอำเภอต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง
นายพิเชษฐ สุจินดาทอง แกนนำมวลชนคนเสื้อแดง กล่าวว่า จุดประสงค์หลัก คือเรียกร้องให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลที่ปิดและยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 มาใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 รวมทั้งการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งกันใหม่
นายมานะ พันธ์ไพบูลย์ หรือดีเจ ป.เป็ด แห่งคลื่นวิทยุชุมชน 89.25 และ 89.5 กล่าวว่า สาเหตุที่กลุ่มมวลชนเสื้อแดงไม่มีกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 มาร่วมเพราะมีอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน กลุ่มไม่มีนโยบายปิดล้อมนักการเมืองหากแต่ต้องการขับไล่ออกไปให้พ้นพื้นที่ จุดยืนคือการยกป้ายข้อความ และปราศรัยโจมตีเท่านั้น โดยจะจัดเวทีปราศรัยสัญจรทุกวันศุกร์และเสาร์ บริเวณสถานีรถไฟเชียงใหม่ เริ่มครั้งแรกวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์นี้
แหล่งข่าวมวลชนคนเสื้อแดง ระบุว่า สาเหตุที่มีการรวมพลังคนเสื้อแดงกันใหม่ เพราะมีการกล่าวหาว่ากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หวังผลทางการเมือง ในการลงสมัคร ส.ส.ใน จ.ลำพูน มีผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินบริจาคและเงินค่ารถโดยสารที่เดินทางไปร่วมกิจกรรมที่กรุงเทพฯ แกนนำในกทม. จึงสนับสนุนให้แยกตัวออกมาสร้างเลือดใหม่ เพื่อสร้างพลังเสื้อแดงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และบีบให้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ล่มสลายลงหลังก่อเหตุด่ากลุ่มเสื้อเหลืองและตบหน้าผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สกลนคร เวลา 08.00 น.กลุ่มคนเสื้อแดง กว่า 500 คน นำโดย นายสายันตชัย อินสอนอัคครกุล ประธานสมาพันธ์คนรักชาติรักประชาธิปไตยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ร้อยเอ็ด นายถนอม สมผล อดีตสมาชิก อบจ.สกลนคร ไปรวมตัวชุมนุมกันที่ท่าอากาศยานจังหวัดสกลนคร โดยมีรถเครื่องขยายเสียงและป้ายโจมตีการทำงานของรัฐบาล หลังมีข่าวว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเดินทางมามอบนโยบายให้กับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร จนเวลา 09.30 น. นายชวรัตน์ ไม่ได้มาตามกำหนด กลุ่มคนเสื้อแดงจึงย้ายไปปักหลักด้านหน้าและด้านข้างของหอประชุมฯ แทน โดยผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวโจมตีรัฐบาล โดยมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ 50 นายมาดูแลความสงบ ขณะที่นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวเปิดประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ว่า ไม่ทราบว่าใครปล่อยข่าว เพราะตนไม่ได้เชิญรัฐมนตรีมหาดไทยมาร่วมงาน
วันเดียวกัน ที่สนามทุ่งศรีเมือง อ.เมือง จ.อุดรธานี พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ตรวจความพร้อมกำลังพล 1,000 นาย จากตำรวจใน จ.อุดรธานี 23 สถานี ที่เข้ารับการฝึกซ้อมการปราบจลาจลและควบคุมฝูงชน เพื่อเตรียมรับมืองาน "คาราวานพันธมิตร เพื่อการเมืองใหม่ ให้รักเราท่วมท้นประเทศไทย ที่ จ.อุดรธานี" ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่ 16.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ที่ลานอเนกประสงค์ สวนสาธารณหนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับการชุมนุม เพราะตำรวจอุดรธานีเคยมีบทเรียนมาแล้ว และจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก แต่ต้องเตรียมการรับมือไว้ไม่ให้ 2 กลุ่มปะทะกันอย่างเด็ดขาด มีการตรวจอาวุธ ปลดอาวุธ เปิดทางเข้าออกเพียงทางเดียว และมีการตั้งจุดสกัดการเดินทางของกลุ่มคน ภายในเขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยตำรวจได้ประสานขอความร่วมมือทั้งแกนนำทั้งสองกลุ่ม อย่านำกำลังมาปะทะกัน
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อถึงวันจริงหากตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ก็จะประสานขอกำลังเสริมจาก ภ.จว.หนองบัวลำภู กำลังจากตำรวจตระเวนชายแดน 24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ ทหาร มทบ. 42 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม มาช่วยสนับสนุน
ด้านนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ในการประชุมรับฟังข้อคิดเห็น เกี่ยวกับการจัดเวทีของกลุ่มพันธมิตร มีทั้งแกนนำของพันธมิตรอุดรธานี และชมรมคนรักอุดร เข้ามาร่วมประชุมชี้แจงด้วย บรรยากาศวันนั้นเป็นไปด้วยดี ต่างจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา แม้จะเป็นเพียงความเห็นต่างกัน หวังว่าบรรยากาศในวันนั้น จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คือทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ชาวอุดรธานีจะได้เรียกเกียรติยศ และศักดิ์ศรีกลับคืนมา หลังจากที่เคยร่วมสร้างตราบาปไว้ร่วมกัน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551