ติ๊น่า น้ำตาร่วง หลังเผยความรู้สึกยังร้องไห้เพราะคิดถึงพ่อแม่

ถึงปากจะบอกว่าสภาพจิตใจดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่นักแสดงสาวหล่อ "ติ๊นา ศุภนาฎ" ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ เมื่อได้เผยความรู้สึกว่ายังคงร้องไห้อยู่แทบทุกครั้งที่นึกถึงพ่อแม่ที่ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ โดยงานนี้สาวติ๊นาได้ออกมาเปิดใจครั้งแรก และเล่าให้ฟังว่าตอนนี้พร้อมกลับมาทำงานแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งชีวิตต้องเดินต่อไป ดีใจที่สามารถเรียนจบในตอนที่พ่อและแม่ยังมีชีวิตอยู่ พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ตนเสมอ

สภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
"ดีขึ้นกว่าตอนแรกเยอะมากๆ ขอบคุณกำลังใจจากแฟนคลับและเพื่อนๆ ทุกคน ญาติพี่น้องทุกคนของติ๊น่าด้วย เราก็นึกถึงท่านอยู่ตลอดเวลา เพื่อนๆ ก็พยายามเอ็นเตอร์เทนเราให้เราสนุก ลืมเรื่องราว ส่วนพี่น้องติ๊น่า พี่ชายคนโตอยู่ที่อเมริกา แต่เราจะวิดิโอคอลเฟอร์เรนกันทุกอาทิตย์อยู่แล้ว เราก็จะปรึกษากันว่าครอบครัวเราจะเอายังไงกันต่อไปดี ทุกวันนี้เราก็ยังปรึกษากันอยู่"

ส่วนของเรามองอนาคตไว้ยังไงบ้าง?
"ในบ้านมีพี่ชายคนเดียวนอกนั้นก็เป็นผู้หญิงหมดเลย พี่ชายก็เป็นห่วงน้องๆ ติ๊น่าเป็นน้องเล็กสุด อายุ25ปีเอง เขาก็อยากให้เรามีงานการที่มั่นคง พี่ชายเลยวางแผนว่าเราควรจะมาเปิดอะไรสักอย่างด้วยกันไหมที่เป็นธุรกิจของครอบครัว ส่วนธุรกิจที่บ้านจริงๆ นั้นไม่ได้ทำนานแล้ว คุณแม่รับราชการก็เกษียณนานแล้ว บ้านก็กำลังปรับปรุงอยู่ น่าจะเสร็จหลังปีใหม่ บ้านหลังนั้นเป็นบ้านกงสีของครอบครัวใหญ่ จริงๆ ส่วนตัวติ๊น่าเติบโตที่กรุงเทพฯ"

เวลาเรากลับไปแล้วเห็นภาพนั้นเรารู้สึกยังไงบ้าง?
"หดหู่ รู้สึกแย่มาก แต่ตอนนี้ทำใหม่หมดแล้ว รวมถึงมีคนให้กำลังใจเราเยอะ เราเองก็ให้กำลังใจตัวเอง หลังจากนี้เชื่อว่าจะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา เหมือนฟ้าหลังฝนย่อมสวยกว่าเสมอ"

เจอสร้อยพ่อที่เราตามหาหรือยัง?
"ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ ตอนแรกเป็นห่วงสร้อยเขาเพราะเป็นอะไรที่เขาไว้ติดตัวตลอดเวลา ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ช่วยตามหา อยากจะฝากถ้าใครเมตตาเจออะไรที่เป็นของสำคัญของครอบครัวติ๊น่าก็รบกวนนำกลับมาคืนด้วย ขอบคุณทุกคนมาก ตอนนี้ไม่ได้คิดว่าจะได้คืนแล้ว ด้วยความที่ป๊าจะเป็นคนสะสมพระ พันๆ หมื่นๆ องค์ เราก็ไม่รู้ว่ามีองค์ไหนยังไงบ้างที่หายไป แต่มันหายไปเยอะมาก"

ท่านได้มาเข้าฝันบ้างไหม?
"ยังนะคะ แต่พี่สาวจะมีฝันว่าม่าม๊าใส่ชุดนักเรียนมาหา ก็ทำบุญครบ 49 วันไปแล้ว 2 มกราคม จะครบ 100 วัน ก็จะทำบุญกันอีกรอบนึง"

อย่างตอนนี้เวลาเราคิดถึงท่านยังมีร้องไห้อยู่ไหม?
"มีค่ะ ร้องไห้อยู่แล้ว (ร้องไห้) ก็คิดถึงค่ะ...เราก็คิดเสียว่าอย่างน้อยยังไงท่านก็ยังอยู่กับเรา ถึงแม้ตัวท่านจะจากไปแล้วแต่ยังไง...ร่างกายพ่อแม่เขาก็ให้เรามา ยังไงท่านก็อยู่ในใจเราตลอด ก่อนป๊าเสียประมาณ 2 ทุ่ม ป๊าโทรมาบอกว่าป๊าร่วมทำบุญด้วยนะ ฝากทำบุญด้วยที่เชียงใหม่ นี่คือสายโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายที่คุยกัน"

ตอนนี้กำลังใจในการทำงานกลับมาพร้อมแล้วหรือยัง?
"มีเต็มร้อย เราก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ก็ใช้ชีวิตทำทุกอย่างเหมือนเดิม ปีหน้าจะมีละครช่อง3 มีภาพยนตร์จีนก็โฟกัสทั้งงานวงการบันเทิงและมองหาธุรกิจทำ"

คำสอนของท่านที่เราจดจำขึ้นใจ?
"พ่อแม่ไม่ได้พูดอะไรกับติ๊น่า เขาจะพูดเสมอตั้งแต่เด็กๆ ว่าพ่อแม่ไม่ได้มีอะไรให้นะ มีแต่ความรู้ให้ อยากให้เราตั้งใจเรียน เราก็ทำให้เขาสำเร็จแล้วก่อนเขาเสีย เขาก็ห่วงเราที่เราเป็นลูกคนสุดท้อง ตอนนี้เราก็โตขึ้นเยอะแล้ว ติ๊น่ารู้สึกโชคดีที่ตัวเองได้ทำงานตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ 20 ปี เราเหมือนได้ใช้ชีวิตก่อนเด็กทั่วไป เราได้เรียนรู้ชีวิตมาสเต็ปนึง พอมีเรื่องราวเกิดขึ้น เรารู้ว่าเราต้องเข็มแข็ง แล้วเราก็เข็มแข็งจริงๆ ท่านก็ไม่น่าจะห่วงอะไรติ๊น่าแล้วเพราะที่ห่วงที่สุดคือเขาอยากให้เราเรียนจบ"