ชาคริต เปิดปมหย่า วุ้นเส้น ยังรักเหมือนเดิม แค่สถานะเปลี่ยน
ในที่สุดก็ถึงคิวของพระเอกหนุ่ม "ชาคริต แย้มนาม" ออกมาเคลียร์ปมสักที หลังจากที่ปล่อยให้อดีตภรรยาสาว "วุ้นเส้น วิริฒิพา" ชี้แจงไปเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ถึงสถานะชีวิตคู่ที่เปลี่ยนไปเพราะปมปัญหาภายในระหว่างคนสองคน
ซึ่งงานนี้ทางด้านของหนุ่มชาคริตเองก็ได้เผยกับเราถึงสาเหตุที่ต้องจบสถานะความรักในครั้งนี้ว่า เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างมีภาระรับผิดชอบ จึงทำให้ไม่มีเวลาให้กันเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆ ที่พยายามประคับประคองกันมาตลอด ส่วนเรื่องราวกระแสดราม่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำร้ายร่างกาย หรือ มือที่สามนั้น หนุ่มชาคริตก็ได้คอนเฟิร์มเช่นกันว่า ไม่เคยมีเรื่องราวลักษณะนั้นเกิดขึ้นแน่นอน...
สาเหตุของการหย่าร้างในครั้งนี้คืออะไร ?
“มันก็เนื่องด้วยงาน ด้วยเวลา ด้วยหลายอย่าง ภาระที่ต้องรับผิดชอบหลายสิ่งหลายอย่างมันก็อาจจะกระตุกกระตักบ้าง คือมันไม่ใช่เรื่องของความรู้สึกความรักนะครับ เรายังรักกัน เพียงแต่ว่าเขาเองก็มีอะไรที่ต้องทำเยอะแยะ รวมถึงผมเองก็เช่นกันที่ต้องมีหลายอย่างให้ดูแลทั้งธุรกิจ ทั้งงานในวงการ ไหนจะเรื่องอาการป่วยของคุณแม่อีก คือ…มันก็หนักทั้งคู่เนอะ ทั้งเหนื่อย ทั้งอะไรด้วยหลายๆ อย่าง”
เราคุยกันนานไหมกว่าจะตัดสินใจว่าจะหย่า ?
“โห…เราก็เรื่อยๆ นะครับ สักปีหนึ่งแล้วแหละ แต่เราก็พยายามประคับประคองกันไป ซึ่งพอมาเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น มันก็เลยทำให้อะไรหลายๆ อย่างมันยากไปหมด ทั้งเรื่องงาน เรื่องเวลา มันก็… สุดท้ายเราก็ตกลงคุยกัน คุยกันแค่เราสองคน แต่มันก็แฮปปี้นะครับ เพราะเราเข้าใจกัน”
แสดงว่าทุกวันนี้เราก็ยังรักเขาอยู่ ?
“แน่นอนสิ (ยิ้ม) รักอยู่แล้ว ทุกวันนี้เราก็ยังทำธุรกิจด้วยกัน เจอกันเหมือนเดิมปกติ เป็นเรื่องปกติเลย”
ความรู้สึกของเราตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“หวิวๆ นะครับ หวิวอยู่แล้ว เพราะผมเองก็ยังเป็นห่วง และคิดถึงเขาตลอด คือ…มันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ เราจะทำใจได้ เพราะเขาก็ยังอยู่ในใจเรา เหมือนกับเวลาเราไปทำงานต่างจังหวัดเราก็ยังคิดถึงเขาเสมอ แต่ก็ค่อยๆ ปรับกันไปครับ”
ทุกวันนี้ยังมีการพูดคุยหรือโทรหากันบ้างไหม ?
“คุยกันครับ ยังแท็กคุยกันอยู่เลย (ยิ้ม)”
ตัวเราเองช่วงแรกๆ ที่เลิกกัน มีอาการเฮิร์ทบ้างหรือเปล่า ?
“ทั้งคู่นะครับ ทั้งเขาทั้งผมเฮิร์ทกันทั้งคู่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เราอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็โชคดีอย่างหนึ่งตรงที่การตัดสินใจของเราครั้งนี้มันเกิดจากความเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาเราต่างก็ทำกันเต็มที่แล้ว เราพยายามรักษาทุกๆ อย่างเอาไว้ ซึ่งมันก็คงเป็นเหมือนจุดที่เราหยุดไว้สักพักมั้ง ไม่รู้อนาคตเหมือนกัน เอาไว้ว่ากันอีกที (หัวเราะ)”
ถ้าเรื่องราวต่างๆ มันนิ่งขึ้นหรือซอฟต์ลง จะมีโอกาสไหมที่เราสองคนจะกลับมาอีกครั้ง ?
“อย่างที่บอกครับมันไม่ได้มีเรื่องอะไรร้ายแรง แต่เป็นการคุยกันระหว่างเราสองคนมากกว่า และอีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องของกระดาษแผ่นหนึ่งด้วย แต่มันเป็นเรื่องของจิตใจ ซึ่งตัวผมเองก็แฮปปี้กับการที่เรามีความรักที่บริสุทธิ์ให้กันมาโดยตลอด”
หลายคนก็อยากรู้ว่าเรื่องราวมันเดินทางมาถึงจุดไหน ที่ทำให้เราตัดสินใจว่าอยู่กันไม่ได้แล้ว ?
“มันไม่ใช่อยู่ด้วยกันไม่ได้นะครับ แค่ช่วงที่ผ่านมาต่างคนก็ต่างทำงาน และไม่ได้มีชีวิตที่ไปทางเดียวกัน ซึ่งตัวผมเองก็มีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่าง คือมันก็ไม่แฟร์สำหรับเขา หากอยู่ดีๆ เขาอยากต้องการเวลา หรือต้องการไปเที่ยวกับเรา แต่เราทำไม่ได้เพราะเราต้องดูแลร้าน ทำงานละคร ถ่ายรายการ ไหนจะต้องเข้าไปดูแลคุณแม่อีก ยิ่งวันไหนที่ผมป่วยก็จะเครียด คือสภาวะการแบ่งเวลาของผมเองก็ปั่นป่วนเหมือนกัน สุดท้ายมันก็เลยเป็นไปตามธรรมชาติตามที่มันต้องเป็น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้เกิดจากการทะเลาะกันหรือเกลียดกัน แต่มันเป็นเรื่องของเส้นทางการรับผิดชอบมากกว่า”
อย่างข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าเราทำร้ายร่างกาย เรามีอะไรอยากจะชี้แจงบ้าง ?
“จะบ้าเหรอ (หัวเราะ) ก็เขียนกันอยู่นั่นแหละเนอะ ซึ่งน้องเขาก็ตอบอยู่ตลอดว่าไม่มีอะไร แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับ ชีวิตเราก็เจออะไรแบบนี้มาเยอะ เพียงแต่ว่าเดี๋ยวนี้เราอาจจะไม่ได้แข็งแรงเท่าเมื่อก่อน เพราะผมไม่อยากให้ข่าวแง่ลบต่างๆ มันไปกระทบกับความรู้สึกของคุณแม่ มันก็เลยทำให้ผมอ่อนแอได้เหมือนกัน แต่ก็พยายามมองไปในแง่ดี เพราะเราเองก็จะได้ฝึกตนไปด้วย เนื่องจากทำอะไรไม่ได้นอกจากแค่ปลง”
แล้วสำหรับกระแสข่าวมือที่สามล่ะ ?
“ไม่มีครับ มันเร็วเกินไป ผมไม่มีทางที่จะมีใครหรอกครับ และก็ไม่คิดด้วย”
คุณแม่พี่คริตว่ายังไงบ้างกับเรื่องนี้ ?
“คุณแม่ผมป่วยครับ มีอาการเกี่ยวกับเส้นเลือดในสมอง ดังนั้นท่านคงไม่ว่าอะไรหรอกครับ ท่านพูดไม่ได้ ส่วนการรับรู้ต่างๆ ของท่านก็คืออยู่กับปัจจุบันทุกอย่าง คือ…สมองที่กลับมาใหม่ มันก็เหลือแค่การเขียนกับพูด การพูดก็พูดได้แค่คำสั้นๆ หรือแล้วแต่วันนั้นจะเป็นยังไง ก็…อะไรแบบนั้น มันก็ลำบากเนอะ คือมันก็ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ลุ้นกันทุกวันครับ”
สำหรับธุรกิจที่เรากับวุ้นเส้นทำด้วยกันตอนนี้คือยังไง ?
“ยังทำอยู่เหมือนเดิมเลยครับปกติ พูดคุยกันเหมือนเดิม เมื่อเช้ายังแท็กมากู๊ดมอร์นิ่งอยู่เลย (ยิ้ม)”
จริงๆ มีสิทธิ์ไหมที่เราสองคนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะหลายคนก็ลุ้น ?
“(ยิ้ม) เราก็คุยกันตลอดครับ เวลาเจอก็ยังรู้สึกดี ยังกอดกันเหมือนปกติ (ยิ้ม)”
ถามถึงภาพของเรากับสาวคนหนึ่งบ้างที่คนจับตามองว่าเป็นสาวคนใหม่ ?
“รุ่นน้องครับ ไม่มีอะไรเลย แค่เขามากินข้าวที่ร้าน และเอาจริงๆ วันหนึ่งผมถ่ายรูปกับคนเยอะมากเลยนะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเลือกมาลงกันยังไง อีกอย่างช่วงนี้ผมหล่อมากเลยนะ (หัวเราะ) ทุกสามวันผมจะมีคนใหม่ตลอด โคตรหล่อเลย (หัวเราะ)”
ตอนที่มีข่าวกับ โบวี่ เราตกใจไหม ?
“ตกใจครับ ข่าวนี้รุ่นพี่ผมส่งมาให้ดูจากนิวยอร์คเลยนะ (หัวเราะ) งงมาก เป็นข่าวอีกแล้วเหรอ แต่ก็ขำๆ ไป ซึ่งช่วงที่ไม่ขำก็มีเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกเราทำอะไรไม่ได้ นอกจากให้เวลาเป็นตัวช่วยให้เขาเข้าใจเราเอง เพราะชีวิตผมมีแค่ ร้าน งาน บ้าน แค่นั้นจริงๆ ส่วนคนที่เข้ามาคอมเม้นท์หรืออะไรต่างๆ อันนี้ผมก็ปล่อยไป เพราะทุกๆ สิบนาทีผมก็จะได้อภัยทาน ถือว่าหมดกรรมซึ่งกันและกันดีกว่า”
จริงๆ วุ้นเส้น เขาเคยมีถามเราบ้างไหมเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น ?
“เขารู้อยู่แล้วครับว่าเป็นไปไม่ได้ เขารู้จักนิสัยผมดี ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่า หากในอนาคตผมจะไปมีใครก็เป็นสิทธิ์ของผม ซึ่งผมก็พูดได้เหมือนกันว่า หากเขาจะมีใครก็เป็นสิทธิ์ของเขา คือมันเป็นการพูดไปตามหลักของสถานะ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ผมจะมานั่งไขว่คว้า มานั่งคิด ซึ่งวุ้นเองก็เหมือนกัน ผมคิดว่าเขาเองก็คงอยากทำงาน อยากพักผ่อนมากกว่า เพราะเอาจริงๆ เราสองคนก็ไม่ใช่คนที่แบบว่าหมกมุ่นต้องมีแฟนตลอดเวลา เราขอใช้เวลากับสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบดีกว่า”
แสดงว่าตอนนี้ยังไม่มีสาวๆ แน่นอน ?
“ไม่มีสาวคนไหนเลย แต่อย่างที่บอกเนอะผมเป็นคนมีเพื่อน เพราะผมเองก็คนเนอะ”
เป็นเพราะเรายังรู้สึกดีกับวุ้นเส้นหรือเปล่า เลยทำให้ตอนนี้ยังไม่อยากมองใคร ?
“ไม่เลยนะ แค่เราไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้มากกว่า คือเรื่องมองคนใหม่มันไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในหัวเลย เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหมครับ”
ณ วันนี้เรียกว่าเรายังรอวุ้นเส้นได้ไหม ?
“สำหรับผมเขาก็ไม่เคยหายไปไหนนะ เขาไม่ได้หายไปไหน เขาก็ยังอยู่ เขาไม่ได้หนีไปไหน (ยิ้ม)”
จริงๆ เรากังวลไหมว่าข่าวเกี่ยวกับสาวๆ ที่มีออกมาเรื่อยๆ จะไปกระทบใจเขา ?
“เอ่อ…ผมคิดว่าถ้าหากเขาอยากรู้เรื่องอะไรเขาก็คงถามครับ เพราะผมกับเขาเป็นสามีภรรยาที่คุยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ ดังนั้นหากมันมีเรื่องอะไรที่เขาสงสัยเขาก็คงจะถามผมเอง เพราะเขาก็รู้จักผมดีที่สุดแล้ว เราอยู่ด้วยกันมานาน ใช้ชีวิตด้วยกันมานาน และที่ผ่านมาเราก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันตลอด ผมพูดได้เลยว่าผมโชคดีนะที่ผมกับเขาได้รักกัน และก็เข้าใจกัน”
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ